“โอบามา”พบครอบครัวของแมนเดลา ยกย่องวีรบุรุษนักต่อสู้ลัทธิเหยียดผิวว่าเหมือน “จอร์จ วอชิงตัน”

รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้พบกับครอบครัวของ เนลสัน แมนเดลา วีรบุรุษนักต่อสู้ลัทธิเหยียดผิวที่สุขภาพกำลังย่ำแย่ของแอฟริกาใต้ ในวันเสาร์ (29 มิ.ย.) โดยเขาพูดปลุกปลอบให้กำลังใจ พร้อมกับยกย่องรัฐบุรุษผู้นอนป่วยด้วยอาการปอดติดเชื้อขั้นวิกฤต ว่าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์

สุขภาพที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ของแมนเดลา บุรุษวัย 94 ปีซึ่งได้รับการยกย่องสรรเสริญจากทั่วโลก ในฐานะของสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้คัดค้านลัทธิเหยียดผิว และความอยุติธรรม กำลังมีอิทธิพลครอบงำการเยือนแอฟริกาใต้เป็นเวลา 2 วันของโอบามา ทั้งนี้ แอฟริกาใต้เป็นจุดหมายแห่งที่ 2 ในการออกทัวร์ 3 ชาติแอฟริกาของเขาในคราวนี้

โอบามาใช้วิธีพบปะกับพวกญาติพี่น้องของแมนเดลา เพื่อพูดจาสนับสนุนให้กำลังใจ แทนที่จะขอเข้าเยี่ยมอดีตประธานาธิบดีผู้อ่อนระโหยโดยตรง ในโรงพยาบาลซึ่งเขาพักรักษาตัวอยู่เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว

การพบปะพูดคุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงนี้ มีขึ้น ณ ศูนย์เพื่อการรำลึก เนลสัน แมนเดลา ในนครโจฮันเนสเบิร์ก

โอบามาได้ระบุในคำแถลงที่ออกในเวลาต่อมาว่า เขายังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ กราซา มาเชล ภริยาของแมนเดลา ซึ่งเฝ้าพยาบาลอยู่ข้างๆ สามีของเธอในโรงพยาบาล เมดิคลินิก ฮาร์ท กรุงพริทอเรีย

ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน โอบามา ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี จาค็อบ ซูมา ของแอฟริกาใต้ และผู้นำทั้งสองได้จัดการแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่ง ซูมา กล่าวว่า แมนเดลายังคงมี “อาการขั้นวิกฤตทว่าอยู่ในภาวะทรงตัว”

“เราหวังว่าในเร็วๆ วันเขาจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้” ซูมา กล่าวต่อโดยมิได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมอีก

การเยือนแอฟริกาใต้ของโอบามา ทำให้เกิดการคาดเดากะเก็งกันหนักว่า ประธานาธิบดีที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของสหรัฐฯผู้นี้ จะเข้าเยี่ยมประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ ถึงภายในห้องพักที่โรงพยาบาล ทว่าอาการที่ย่ำแย่ลงของแมนเดลาตั้งแต่ในสัปดาห์ที่แล้วจนถึงขีดขั้นวิกฤต บังคับให้ทำเนียบขาวตัดสินใจละทิ้งแผนการเยือนดังกล่าว

ขณะที่แถลงข่าวร่วมกับซูมา ที่อาคารยูเนียนบิวดิงส์ ของกรุงพริทอเรีย อันเป็นสถานที่ซึ่งแมนเดลาสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประมุขของประเทศในปี 1994 โอบามาบอกว่าผู้คนนับล้านๆ ทั่วโลกต่างพากันสวดอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อวีรบุรุษซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพผู้นี้

เขาบอกว่าแมนเดลา นั้นเหมือนกับ จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ตรงที่ทั้งคู่ต่างตัดสินใจก้าวลงจากเวทีในจุดสูงสุดแห่งอำนาจและจุดสูงสุดแห่งการได้รับความนิยมชมชื่นจากประชาชนของพวกเขา

“ช่างเป็นบทเรียนที่เหลือเชื่อจริงๆ” โอบามากล่าว โดยที่เขาพูดถึงแมนเดลาว่า เป็น “หนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์”

ก่อนหน้านี้ โอบามาได้เคยพูดไว้เมื่อวันพฤหัสบดี (27) ว่า เขาไม่ “จำเป็นที่จะต้องขอถ่ายภาพ” กับแมนเดลา ทั้งนี้เขาเคยพบปะกับผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้มาแล้วเมื่อปี 2005 ณ กรุงวอชิงตัน ในตอนที่เขาดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ

ทางด้าน ซูมา ได้กล่าวเน้นย้ำความละม้ายคล้ายคลึงในทางประวัติศาสตร์ระหว่าง แมนเดลา กับ โอบามา “พวกคุณทั้งสองคนต่างยังผูกพันโดยประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีผิวดำคนแรกในแต่ละประเทศของพวกคุณ” ซูมา กล่าว

“พวกคุณทั้งสองต่างแบกรับความใฝ่ฝันของประชาชนนับล้านๆ ทั้งในแอฟริกาและคนเชื้อสายแอฟริกาที่กระจัดกระจายไปอยู่ในต่างแดน”

ในวันอาทิตย์ (30) โอบามามีกำหนดบินไปยังเมืองเคปทาวน์ จากที่นั่นเขาจะเดินทางไปเยือนเกาะร็อบเบน ซึ่งเคยเป็นสถานที่กักขัง แมนเดลา อยู่นานถึง 18 ปี จากระยะเวลาทั้งหมด 27 ปีที่เขาตกอยู่ในฐานะนักโทษการเมือง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเยือนแอฟริกาใต้คราวนี้ ใช่ว่าประธานาธิบดีอเมริกันจะได้พบเห็นแต่การต้อนรับด้วยความยินดี โดยโอบามายังเผชิญการประท้วงต่อต้านจากชาวแอฟริกาใต้ซึ่งไม่พอใจนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อเมริกันใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทำการโจมตีในที่ต่างๆ ซึ่งมีรายงานว่าทำให้พลเรือนจำนวนมากบาดเจ็บล้มตายไปด้วย

ทั้งนี้ตำรวจต้องยิงลูกระเบิดที่มีแต่แสงจ้าและเสียงดังสนั่น เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณด้านนอกวิทยาเขตโซเวโต ของมหาวิทยาลัยโจฮันเนสเบิร์ก ที่ซึ่งโอบามาไปพบปะสนทนาพูดคุยกับพวกนักศึกษาในช่วงบ่ายวันเสาร์

การประจันหน้ากันเป็นระยะเวลาสั้นๆ นี้เกิดขึ้นในบริเวณห่างออกไปพอสมควร จึงมิได้รบกวนรายการพบปะสนทนาภายในวิทยาเขตซึ่งมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกวดขัน โดยที่โอบามาได้ถือโอกาสนี้พูดยกย่องสิ่งที่เขาเรียกว่า ทวีปแอฟริกาที่ “มั่งคั่งรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และมีความเชื่อมั่นยิ่งขึ้น” นอกจากนั้นเขายังตอบคำถามจำนวนหนึ่งที่มาจากพวกนักศึกษาด้วย