xs
xsm
sm
md
lg

สมใจ “สโนว์เดน” จุดชนวนวิวาทะความเป็นส่วนตัวบนโลกไซเบอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเอฟพี/เอเจนซี - การถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนในเรื่องความเป็นส่วนตัวในอินเทอร์เน็ต กับขอบเขตอำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ ปะทุพุ่งพล่านขึ้นมาในวันอังคาร (11 มิ.ย.) ซึ่งต้องถือเป็นชัยชนะและเป็นที่สาสมใจของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างซีไอเอที่เป็นช่างเทคนิคด้านข่าวกรองวัย 29 ปี ผู้แฉเรื่องที่อเมริกาใช้ระบบ “ปริซึม” อันลับสุดยอด เพื่อสอดแนมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์อย่างกว้างขวาง

ถึงแม้ สโนว์เดน ซึ่งขณะนี้ยังคงไม่เป็นที่ทราบกันอย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ภายหลังปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในฮ่องกงเมื่อ 2-3 วันก่อน ในที่สุดอาจจะถูกดำเนินคดีจากการเปิดโปงโปรแกรมล้วงข้อมูลการสื่อสารในอินเทอร์เน็ตของวอชิงตัน แต่สิ่งที่เขาหมายมั่นตั้งใจที่จะกระทำ ซึ่งก็คือ การเปิดฉากการสู้รบของสาธารณชนต่อการล่วงละเมิดเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขตของภาครัฐนั้น ดูเหมือนบรรลุสัมฤทธิผลแล้ว

ในวันอังคาร ทั้งสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ องค์กรสิทธิพลเมือง และบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ ต่างออกมาเรียกร้องให้คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับกระบวนการสอดแนมข้อมูลส่วนบุคคลในการสื่อสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์

วุฒิสมาชิกอเมริกันทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจำนวน 8 คน ได้ร่วมกันยื่นเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญมุ่งให้ผ่อนปรนการใช้วิธีลับๆ มากำกับตรวจสอบการดำเนินโปรแกรมนี้ ทั้งนี้เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเจ้าหน้าที่อเมริกันต้องการใช้โปรแกรมปริซึมเพื่อให้ได้ข้อมูลในส่วนใด ก็ใช้วิธียื่นขอคำสั่งศาลจาก “ศาลตรวจตราข่าวกรองต่างประเทศ” (FISA) โดยที่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ให้ภายนอกทราบ แต่ตามร่างกฎหมายใหม่นี้จะกำหนดให้คำตัดสินสำคัญๆ ของศาลนี้ก็ต้องมีกระบวนการในการลดชั้นความลับ

วุฒิสมาชิก เจฟฟ์ เมิร์คลีย์ 1 ใน 8 ผู้ยื่นเสนอ แถลงว่า อเมริกันชนมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ว่าข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการสื่อสารส่วนตัวของพวกเขามากน้อยขนาดไหนซึ่งรัฐบาลเชื่อว่ากฎหมายอนุญาตให้ตนเองเข้าไปรับรู้ได้

การถกเถียงอย่างร้อนระอุเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ และวอชิงตัน โพสต์ของอเมริกา เผยแพร่ข้อมูลลับที่ได้รับจากสโนว์เดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคข่าวกรองวัย 29 ปี เกี่ยวกับโปรแกรมลับสุดยอด “ปริซึม” ที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ใช้เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผู้จุดชนวนวิวาทะ ความเป็นส่วนตัวบนโลกไซเบอร์
บรรดาผู้นำหน่วยข่าวกรองของอเมริกาต่างออกมาปกป้องว่า โปรแกรมดังกล่าวช่วยปกป้องชีวิตคนอเมริกันด้วยการทำลายแผนก่อวินาศกรรมหลายครั้ง และเจ้าหน้าที่กำลังเปิดการสอบสวนเพื่อจะได้ยื่นเรื่องขอให้ฮ่องกงส่งตัวสโนว์เดนกลับสหรัฐฯ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

ทว่า ทั้งในและนอกสหรัฐฯ ขณะนี้กำลังช็อกกับขอบเขตการทำงานของปริซึม รวมถึงระดับการเก็บงำปฏิบัติการนี้เป็นความลับสุดยอดภายใต้กฎหมายตรวจตราข่าวกรองต่างประเทศ (FISA) และกฎหมายว่าด้วยความรักชาติของสหรัฐฯ

ภายใต้กฎหมายเหล่านี้ บริษัทอินเทอร์เน็ตอย่างกูเกิล เฟซบุ๊ก และแอปเปิล ถูกบังคับให้ส่งมอบข้อมูลลูกค้าอย่างลับๆ ให้แก่เอ็นเอสเอเมื่อได้รับคำสั่งจากศาล FISA และการเปิดโปงของสโนว์เดนทำให้บรรดาบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่กระอักกระอ่วนไปตามๆ กัน

ในวันอังคาร (11) กูเกิล อิงก์ ทำจดหมายถึงกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ขออนุญาตเปิดเผยจำนวนข้อมูลที่บริษัทส่งให้โปรแกรมสอดแนมของทางการ เพื่อแก้ต่างรายงานข่าวที่ระบุว่า บริษัทมีช่องทางลับเพื่อให้รัฐบาลเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ตามใจชอบ

วันเดียวกัน เคนเนธ รอธ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ เตือนว่า แนวทางปฏิบัติของวอชิงตันอาจถูกตีความว่า เป็นการเปิดไฟเขียวให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาโปรแกรมสอดแนมของตนเอง รวมทั้งบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในประเด็นว่าด้วยเสรีภาพในอินเทอร์เน็ต

ในอีกด้าน แนวร่วมกลุ่มสนับสนุนอินเทอร์เน็ตและสิทธิพลเมือง เป็นต้นว่า มอซซิลลา ฟาวน์เดชัน, อเมริกัน ซีวิล ลิเบอร์ตีส์ ยูเนียน (เอซีแอลยู), กรีนพีซ ยูเอสเอ, เวิลด์ ไวด์ เว็บ ฟาวน์เดชัน และอีกกว่า 80 กลุ่ม ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯดำเนินการอย่างโปร่งใสยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวเว็บไซต์ StopWatching.us และเรียกร้องให้รัฐสภาเปิดการไต่สวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่

เอซีแอลยูยังยื่นฟ้องร้องโปรแกรมสอดแนมอีกโปรแกรมที่สโนว์เดนเปิดโปง ซึ่งทำหน้าที่บันทึกการใช้โทรศัพท์ของพลเมืองอเมริกันนับล้าน โดยระบุว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม การถกเถียงเกี่ยวกับปริซึมและการกระทำของสโนว์เดนไม่ได้มีเพียงด้านเดียว ตัวอย่างเช่นหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ พาดหัวบนหน้าหนึ่งว่า สโนว์เดนเป็น “วีรบุรุษหรือคนทรยศ”

ทั้งนี้ เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงข้อมูลลับที่รั่วไหลครั้งนี้ว่า สร้างความเสียหายใหญ่หลวง และขณะนี้กระทรวงยุติธรรมรวมทั้งหน่วยงานข่าวกรองต่างๆ กำลังเร่งสอบสวนเรื่องนี้

สโนว์เดน ช่างเทคนิคที่ทำงานให้กับบูซ อัลเลน แฮมิลตัน บริษัทรับเหมาสัญญาของเอ็นเอสเอ บินจากฮาวายสู่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมพร้อมข้อมูลลับที่ขโมยมาจากเซิร์ฟเวอร์เอ็นเอสเอ

วันอาทิตย์ (9) เขายอมให้การ์เดียนสัมภาษณ์เผยแพร่บนเว็บ จากโรงแรมแห่งหนึ่งในฮ่องกง เพื่ออธิบายแรงจูงใจในการกระทำดังกล่าว และจากนั้นก็เช็กเอาต์จากโรงแรมแห่งนั้นทันที จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า เขากบดานอยู่ที่ใด

สโนว์เดนบอกกับการ์เดียนว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้รัฐบาลสหรัฐฯ ย่ำยีความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในอินเทอร์เน็ต เสรีภาพพื้นฐานของผู้คนทั่วโลกด้วยโปรแกรมสอดแนมที่มีขอบเขตการทำงานกว้างขวางอย่างมากที่ทางการสหรัฐฯ ซุ่มพัฒนาขึ้นมา

อนึ่ง จากเอกสารลับที่รั่วไหล ภายใต้โปรแกรมปริซึม เอ็นเอสเอสามารถออกคำสั่งให้บริษัทอินเทอร์เน็ตอนุญาตให้เข้าถึงอีเมลส่วนตัว การสนทนาออนไลน์ ภาพ ไฟล์ วิดีโอ และอื่นๆ ที่พวกผู้ใช้ต่างชาติอัปโหลด
จอมแฉโปรแกรม “ปริซึม” US หายตัว “การ์เดียน” ระบุมีเปิดโปงต่อภาค 2
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผู้เปิดโปงรัฐบาลสหรัฐฯ อาศัยโปรแกรมลับสุดยอดสอดแนมผู้ใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายกว้างขวางยังคงหายตัวเข้ากลีบเมฆ ขณะสมาชิกรัฐสภาอเมริกันเรียกร้องให้ฮ่องกงส่งตัวจอมแฉกลับไปรับโทษฐาน “ทรยศชาติ” ด้านผู้สื่อข่าวของ “การ์เดียน” สื่อเจ้าแรกที่รายงานเผยแพร่ข้อมูลซึ่งสโนว์เดนนำมาเปิดโปง เผยยังมีเรื่องราวสำคัญอีกมากมายจากเอกสารที่อดีตลูกจ้างซีไอเอผู้นี้มอบให้เกี่ยวกับสายสนกลในระบบสอดแนมแดนอินทรี ซึ่งจะได้นำออกมาตีแผ่ในอนาคตอันใกล้
กำลังโหลดความคิดเห็น