เอเอฟพี - องค์กรเพื่อสิทธิพลเมืองชื่อดังของอเมริกาฟ้องร้องเอาผิดกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) วานนี้(11) โดยชี้ว่าการที่หน่วยข่าวกรองของวอชิงตันติดตามข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของประชาชนขัดต่อรัฐธรรมนูญ
สัปดาห์ที่แล้ว เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวัย 29 ปี ซึ่งทำงานกับบริษัทรับเหมาทำสัญญาปฏิบัติงานให้เอ็นเอสเอ ออกมาเปิดโปงโครงการสอดแนมการใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่รัฐบาลสหรัฐฯกระทำมานานอย่างลับๆ รวมถึงคำสั่งศาลที่ให้ เวอไรซอน ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ ส่งข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของลูกค้าให้เอ็นเอสเอตรวจสอบ
โปรแกรมที่ว่านี้จะรวบรวมข้อมูล “เมตะดาตา” (metadata) ซึ่งประกอบด้วยเวลา, สถานที่ และประเทศปลายทาง แต่ไม่รวมถึงเนื้อหาของการสนทนา
“แน่นอนเหลือเกินว่า โปรแกรมนี้คือหนึ่งในความพยายามครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาลประชาธิปไตยที่จะสอดแนมพลเมืองของตัวเอง” จามีล แจฟเฟอร์ รองผู้อำนวยการด้านกฎหมายของสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (เอซีแอลยู) ระบุในถ้อยแถลง ระหว่างประกาศการฟ้องร้อง
“การทำเช่นนี้เท่ากับบังคับให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องส่งรายงานต่อรัฐบาลทุกวันว่าพวกเขาไปไหนมาบ้าง คุยโทรศัพท์กับใครบ้าง คุยกันเมื่อใด และคุยนานแค่ไหน”
“แนวปฏิบัติของโปรแกรมนี้เกินขอบเขตที่กฎหมาย Patriot Act อนุญาต และถือเป็นการละเมิดเสรีภาพในการสมาคม รวมถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวด้วย” แจฟเฟอร์ เผย โดยอ้างถึงกฎหมายให้อำนาจแก่หน่วยข่าวกรองตรวจสอบข้อมูลดิจิทัล ซึ่งสหรัฐฯประกาศใช้หลังเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11
เอซีแอลยู ได้ยื่นฟ้องต่อศาล FISA ซึ่งตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายตรวจตราข่าวกรองต่างประเทศ (Foreign Intelligence Surveillance ACT) โดยระบุว่า คำสั่งที่ให้ เวอไรซอน เผยข้อมูลโทรศัพท์ต่อเอ็นเอสเอนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญอเมริกัน
ทั้งนี้ เอซีแอลยู ก็เป็นลูกค้ารายหนึ่งของ เวอไรซอน เช่นเดียวกับบุคคลและบริษัทอีกนับล้านในสหรัฐฯ จึงมีสิทธิ์ที่จะร้องเรียนในฐานะลูกค้าได้โดยตรง
นอกจากการล้วงข้อมูลโทรศัพท์แล้ว สโนว์เดน ยังได้เปิดโปงโครงการลับ “ปริซึม” (PRISM) ซึ่งสหรัฐฯใช้รวมรวมข้อมูลอีเมล, การสนทนาออนไลน์ (แช็ต) และการสื่อสารรูปแบบอื่นๆ จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เช่น กูเกิล, เฟซบุ๊ก, ไมโครซอฟต์, ยาฮู, อเมริกันออนไลน์ และแอปเปิล
