เอเจนซีส์ - นายใหญ่เพนตากอนประกาศให้ลูกจ้างพลเรือนเกือบ 800,000 คนหยุดงานโดยไม่รับค่าตอบแทนสัปดาห์ละ 1 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนหน้าจนถึงสิ้นเดือนกันยายน เพื่อรับมือการที่กระทรวงต้องลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมโดยอัตโนมัติ ซึ่งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถประนีประนอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงสภาวการณ์นี้ได้
ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการพบปะกับพวกลูกจ้างพลเรือนจำนวนหนึ่งของกระทรวงที่มลรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันอังคาร (14) ว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ แต่ได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจำกัดระยะเวลาการพักงานควบคู่ไปกับการรักษาความพรักพร้อมในการสู้รบของกองทัพ โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายในส่วนอื่นๆ ไปแล้ว ทว่า ยังไม่เพียงพอ
เฮเกลแจกแจงว่า เพนตากอนพยายามลดการใช้จ่ายด้านต่างๆ เป็นต้นว่า ลดเที่ยวบินของกองทัพอากาศ ลดการฝึกและการประจำการของกองทัพนาวิกโยธินและกองทัพเรือ ดังเช่น การลดการประจำการของเรือบรรทุกเครื่องบินในอ่าวเปอร์เซียจากที่เคยมี 2 ลำ ก็ให้เหลือเพียงลำเดียว
ทางด้านแอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสำทับว่า เพนตากอนเริ่มปลดพวกลูกจ้างชั่วคราวและลูกจ้างแบบสัญญาจ้างแล้ว โดยที่มีแผนลดจำนวนลูกจ้างพลเรือนลง 5-6% ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
สำหรับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้จะเท่ากับถูกลดเงินเดือนราว 20% ตลอดช่วงระยะเวลาการพักงาน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายน อันเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ โดยแม้พวกเขาจะมีการถูกลดเงินเดือนแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะหยุดงานโดยไม่ได้เงินเดือนนาน 11 วัน สั้นกว่าที่เพนตากอนเคยประเมินไว้ที่ 14 วันตามที่ได้แถลงออกมาในเดือนมีนาคม และ 22 วันตามที่แถลงในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ดี จากเอกสารของสำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมระบุว่า มีลูกจ้างพลเรือนเกือบ 69,000 คนจะได้รับการยกเว้นจากการพักงาน ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรอง ลูกจ้างบนเรือรบ ผู้ที่ทำงานในพื้นที่สู้รบ หรือฝ่ายขายอาวุธในต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่แพทย์
กระทรวงกลาโหมคาดว่า การตัดสินใจนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 1,800 ล้านดอลลาร์
การลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมอย่างอัตโนมัติ (ซีเควสเตอร์) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งบรรจุอยู่ในกฎหมายปี 2011 นั้น จุดมุ่งหมายจริงๆ อยู่ที่จะจูงใจให้รัฐสภายอมประนีประนอมกันเพื่อจะได้ลดยอดขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีอันนุ่มนวลกว่านี้ ทว่าในเมื่อพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้ มาตรการอันเข้มงวดขาดความยืดหยุ่นเช่นนี้จึงเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะตัดลดงบประมาณลงมาให้ได้ทั้งสิ้น 109,000 ล้านดอลลาร์ภายในปีงบประมาณนี้ (ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน) ในจำนวนนี้รวมถึงการลดรายจ่ายด้านกลาโหม 46,000 ล้านดอลลาร์
ระหว่างการพบปะคราวนี้ เฮเกลได้ตอบคำถามของลูกจ้างคนหนึ่ง โดยที่เขาบอกว่าไม่สามารถสัญญาได้ว่า จะไม่มีการพักงานอีกในปีงบประมาณหน้า โดยที่ภายใต้มาตรการลดงบประมาณเหมารวมอัตโนมัตินั้น ในปีหน้าจะมีการลดการใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มอีก 52,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้นายใหญ่เพนตากอนอธิบายว่าเนื่องจากเรื่องงบประมาณนี้เป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐสภา
ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการทหารหลายคนออกมาเตือนว่าการลดงบประมาณด้านกลาโหม อาจบ่อนทำลายความพรักพร้อมของกองทัพ จากการถูกบีบค้นให้ต้องลดการฝึกและการซ่อมบำรุง ขณะที่สถานการณ์โลกกำลังตึงเครียดจากการข่มขู่ของเกาหลีเหนือ ความก้าวหน้าของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และวิกฤตซีเรีย
สำหรับงบประมาณปีหน้าที่เพนตากอนเสนอไปแล้วนั้น จะคงการใช้จ่ายทางทหารที่ 526,600 ล้านดอลลาร์ โดยยังไม่ได้พิจารณาค่าใช้จ่ายในสงครามในอัฟกานิสถานหรือการตัดลดงบประมาณเหมารวมอัตโนมัติประกอบด้วย
ทว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวอาจไม่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากการที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับวิธีการลดยอดขาดดุลงบประมาณ
สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจน เฮเกลเคยกล่าวระหว่างปราศรัยสำคัญในเดือนที่ผ่านมาว่า ได้สั่งให้ทบทวนแผนการซึ่งอาจนำไปสู่มาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติม เช่น การลดจำนวนนายพล ลดจำนวนลูกจ้างพลเรือน ควบคุมค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธใหม่ รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐสภาเดินหน้าการปิดฐานทัพภายในประเทศเพิ่มเติม ซึ่งเป็นมาตรการที่พวกสมาชิกรัฐสภาไม่เห็นด้วยอย่างมาก เนื่องจากอาจกระทบเศรษฐกิจในท้องถิ่น