เอเอฟพี - ธนาคารต่างในสเปน ดำเนินการยึดบ้านเกือบ 40,000 หลังเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากลูกค้าค้างชำระหนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและยอดคนว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุวันศุกร์(10)
ถ้อยแถลงของธนาคารกลางสเปน ที่อ้างผลสำรวจจากเหล่าธนาคารผู้ปล่อยกู้ ซึ่งอนุมัติการจำนองคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 85 ในประเทศ ระบุว่าตลอดทั้งปี 2012 มีบ้านที่ถูกยึดถึง 39,167 หลัง
เป็นครั้งแรกที่ธนาคารกลางสเปนเผยแพร่ตัวเลขจำนวนบ้านที่ถูกธนาคารต่างๆยึด และนับตั้งแต่นี้ธนาคารแห่งนี้วางแผนจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในทุกๆ 6 เดือน
บ้านส่วนใหญ่ที่ถูกยึดเมื่อปีที่แล้ว จำนวน 32,490 หลังเป็นบ้านหลังแรก ส่วนที่เหลือเป็นบ้านหลังที่สองซึ่งผู้ซื้อใช้สำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหรือไม่ก็เปิดให้เช่า
ครึ่งหนึ่งของผู้เอาสินเชื่อบ้านหลังแรกที่ถูกยึดเมื่อปีที่แล้ว หรือ 18,325 หลัง ยินยอมส่งมอบคืนด้วยความสมัครใจ ส่วนอีก 14,165 หลัง ผู้ปล่อยกู้จำเป็นต้องยื่นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเข้าควบคุมสินทรัยพ์ดังกล่าว
ยอดยึดคืนบ้านที่สูงขึ้นเรื่อยๆนี้ได้กลายมาเป็นวาระสำคัญทางการเมือง สืบเนื่องจากเกิดกรณีประชาชนฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งหลังจากคนเหล่านั้นถูกโยนออกจากบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันบ่อยครั้งที่สถานีโทรทัศน์ก็นำเสนอภาพข่าวครอบครัวชาวสเปนกอดคอกันร่ำไห้หลังต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนใช้ชีวิตบนท้องถนน
นอกจากนี้มันยังชุดชนวนการประท้วงที่เหล่านักเคลื่อนไหวพากันปิดถนนทางเข้าบ้านของประชาชนซึ่งถูกไล่ที่ เพื่อขัดขวางไม่ให้ตำรวจใช้กำลังบังคับพวกเขาเคลื่อนย้ายออกจากบ้านของตนเอง
รัฐบาลหัวอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราจอย ได้เปิดตัวแนวทางต่างๆหลากหลายมาตรการในความพยายามช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหาให้ได้อยู่ในบ้านของตนเองต่อไป อย่างไรก็ตามรัฐบาล ปฏิเสธข้อเรียกร้องของนักเคลื่อนไหวที่ต้องการให้มีการแก้ไขกฎหมายจำนอง เพื่อเปิดทางลบหนี้แก่ผู้กู้หากคนเหล่านั้นยอมคืนบ้านแก่ธนาคาร ขณะที่ภายใต้กฎหมายของสเปน ผู้กู้ยังจะต้องชำระหนี้ของตนเองต่อไป แม้ถูกไล่ออกจากบ้านแล้วก็ตาม
สเปน ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อน อันมีต้นตอจากภาาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์เมื่อปี 2008 และเป็นผลให้อัตราคนว่างงานของประเทศทะยานขึ้นแตะระดับร้อยละ 27 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์