(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Swing states to decide Malaysian polls
By Anil Netto
03/05/2013
ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวมาเลเซีย เดินหน้าเข้าคูหาลงคะแนนกันในวันอาทิตย์นี้ (5 พ.ค.) ภายหลังช่วงเวลาแห่งการรณรงค์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งแข่งขันเฉือดเชือนกันอย่างระอุดุเดือด เป็นไปได้ทีเดียวว่า เกาะบอร์เนียวจะเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดในการตัดสินชัยชนะ ทั้งนี้ดินแดน 2 รัฐของมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนเกาะใหญ่แห่งนี้ อันได้แก่ ซาบาห์ กับ ซาราวัก กำลังกลายเป็น “รัฐช่วงชิง” (swing state) ซึ่งโอนเอนโยกคลอนอาจจะตกเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้ และเงื่อนไขสภาวการณ์หลายๆ ประการใน 2 รัฐดังกล่าว ก็ดูสุกงอมพอที่จะช่วยให้ฝ่ายค้านซึ่งนำโดย อันวาร์ อิบรอฮิม เป็นฝ่ายคว้าชัยได้ที่นั่งจนเพียงพอที่จะยุติการกุมอำนาจปกครองประเทศอย่างยาวนานหลายสิบปีของแนวร่วมรัฐบาลอันมีพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก เป็นแกนนำ
*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *
ปีนัง, มาเลเซีย – ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวมาเลเซีย เดินหน้าเข้าคูหาลงคะแนนกันในวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) นี้ โดยเป็นไปได้อย่างมากทีเดียวว่า การต่อสู้แข่งขันกันอย่างระอุดุเดือดคราวนี้ อาจตัดสินกันที่รัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัก ซึ่งเป็นดินแดนของมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว และกำลังกลายเป็น “รัฐช่วงชิง” (swing state) ซึ่งโอนเอนโยกคลอนอาจจะตกเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้ ทั้งนี้ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลที่มีชื่อว่า “บาริซาน นาชันนัล” (Barisan Nasional ใช้อักษรย่อว่า BN) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก เป็นผู้ครอบครองคะแนนเสียงในพื้นที่แถบนี้อย่างเหนียวแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ทว่ามีสัญญาณบ่งชี้หลายๆ ประการว่า การเลือกตั้งในคราวนี้แนวร่วมฝ่ายค้านที่ใช้ชื่อว่า ปะกะตัน รักยัต (Pakatan Rakyat ใช้อักษรย่อว่า PR) อาจจะสามารถยื้อแย่งทำแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
สภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซียนั้น มีที่นั่งรวมทั้งสิ้น 222 ที่นั่ง ในจำนวนนี้ทางรัฐซาบาห์ได้รับแบ่งสรรไป 25 ที่นั่ง และรัฐซาราวัค 31 ที่นั่ง ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะมีอัตราส่วนเท่ากับประมาณหนึ่งในสี่ของทั้งสภา ปรากฏว่าในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วคือเมื่อปี 2008 พันธมิตร PR ของฝ่ายค้าน ประสบชัยชนะได้ขึ้นเป็นรัฐบาลท้องถิ่นใน 5 รัฐจากจำนวนทั้งสิ้น 13 รัฐ ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร ก็ทำให้แนวร่วม BN ของฝ่ายรัฐบาลที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (United Malays Nasional Organization ใช้อักษรย่อว่า UMNO) เป็นแกนกลาง แม้ยังคงมีที่นั่งข้างมากเกินกึ่งหนึ่งอยู่ ทว่าไม่ได้ครองที่นั่งถึงสองในสาม ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดที่จะทำให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในทางนิติบัญญัติใดๆ ได้ตามใจชอบ PR เป็นการรวมตัวอย่างหลวมๆ ของ 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยที่มีอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบรอฮิม เป็นผู้นำ และกำลังรณรงค์หาเสียงด้วยการชูหลักนโยบายเรื่องธรรมาภิบาล การมีรัฐบาลมือสะอาดปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น หลังจากที่ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองอย่างต่อเนื่องร่วมๆ 6 ทศวรรษของพันธมิตร BN ที่มีพรรคอัมโน เป็นแกนนำ
เฉพาะผลการเลือกตั้งในซาบาห์และซาราวักเมื่อปี 2008 พวกพรรคฝ่ายค้านชนะได้ที่นั่ง ส.ส. ในซาบาห์และซาราวักไปเพียงรัฐละ 1 ที่นั่ง รวมแล้ว 2 ที่นั่งจากที่มีให้ชิงชัยทั้งสิ้น 56 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 54 ที่นั่งนั้นตกเป็นของ BN กล่าวได้ว่า ชัยชนะอย่างท่วมท้นใน 2 รัฐนี้ กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมนี้ชนะพันธมิตรฝ่ายค้านด้วยอัตราส่วน 140 ต่อ 82 ที่นั่ง ยังคงครองส่วนข้างมากเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับในการเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้ พวกพรรคฝ่ายค้านคาดการณ์ว่าพวกเขาจะทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาอย่างเป็นกอบเป็นกำในซาบาห์ และซาราวัก ซึ่งได้รับการพิจารณามานานแล้วว่าเป็นเสมือน “บัญชีเงินฝากประจำ” ของ BN เคียงข้างรัฐยะโฮร์ และรัฐปะหัง ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของมาเลเซีย
ทั้งซาราวักและซาบาห์ ต่างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันนอกชายฝั่ง ทว่าความมั่งคั่งร่ำรวยจากทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ไม่ได้ตกมาถึงมือประชาชนระดับรากหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ตามพื้นที่ส่วนในอันด้อยพัฒนาของรัฐทั้งสองนี้ ซาบาห์นั้นมีประชากรที่ชีวิตความเป็นต่ำในระดับยากจนในอัตราสูงที่สุดของประเทศ ขณะที่ชาวซาราวักจำนวนมากก็กำลังขุ่นข้องไม่พอใจหลังจากที่ต้องสูญเสียที่ดินอันตกทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษเป็นผืนมหึมาหลายๆ ผืน ให้แก่โครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ BN หนุนหลังอยู่ ตลอดจนให้แก่พวกบริษัททำไม้และบริษัททำสวนเกษตรขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลเส้นสายทางการเมือง
ในซาราวัก ผู้นำของแนวร่วมรัฐบาลในปัจจุบันคือ ตออิบ มาหมุด (Taib Mahmud) ผู้ครองตำแหน่งมุขมนตรี (Chief Minister) ของรัฐนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 32 ปีแล้ว ตออิบปกครองรัฐนี้ในลักษณะที่แลดูจากภายนอกเหมือนนุ่มนวลโอนอ่อนทว่าแท้ที่จริงเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเผด็จอำนาจ ตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา ผลประโยชน์ของพวกกิจการในครอบครัวของเขาได้แผ่ขยายเข้าครอบงำภาคธุรกิจมากมายในท้องถิ่น ผลกำไรจากธุรกิจเหล่านั้นได้ถูกนำไปหว่านโปรยซื้อหาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในต่างแดน ก่อตัวขึ้นเป็นหน่ออ่อนแห่งอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีทรัพย์สินอันสำคัญอยู่ทั้งในสหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, และออสเตรเลีย
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจในทางมิชอบในยุคสมัยแห่งการปกครองซาราวักของตออิบ ได้ถูกนำออกมาแฉโพยกันอย่างครึกโครมที่สุดโดยวิดิโอสืบสวนสอบสวนซึ่งจัดทำโดย โกลบอล วิตเนส (Global Witness) กลุ่มเอ็นจีโอมุ่งเฝ้าระวังเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ตั้งฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ในวิดีโอเรื่องนี้ นักสืบสวนของ โกลบอล วิตเนส ผู้หนึ่งได้ปลอมตัวเป็นนักลงทุนต่างชาติที่สนใจต้องการซื้อหาที่ดินผืนใหญ่ๆ หลายผืนราคาหลายล้านดอลลาร์ในซาราวัก ปรากฏว่าเขาได้รับการชักนำอ้างอิงจนกระทั่งได้เข้าเจรจาต่อรองเรื่องนี้กับพวกลูกพี่ลูกน้องของตออิบ โดยที่ได้มีการแอบบันทึกวิดีโอการต่อรองลับๆ เหล่านี้เอาไว้ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาต่อมาพวกทนายความที่เกี่ยวข้องยังได้ให้คำแนะนำแก่นักสืบสวนผู้ปลอมตัวเป็นนักลงทุนผู้นี้ เกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียภาษีอสังหาริมทรัพย์, วิธีการหลบหลีกไม่ต้องทำตามกฎระเบียบของมาเลเซียในเรื่องสัดสวนการถือหุ้นของคนท้องถิ่น, และวิธีการฟอกเงินในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ด้วยการแสร้งทำข้อตกลงที่มีเงื่อนงำคลุมเครือ หลังจากวิดิโอสืบสวนสอบสวนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว ทั้งพวกสมาชิกในครอบครัวของตออิบตลอดจนเหล่าทนายความของพวกเขา ต่างพากันออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ทั้งสิ้น
ในขณะที่วิดีโอแฉโพยซึ่งมีการเผยแพร่ทางออนไลน์นี้ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างอื้ออึงในหมู่นักเคลื่อนไหวและนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ ทว่าน่าจะส่งผลกระทบเพียงจำกัดเท่านั้นต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะจัดขึ้นมาในคราวนี้ เนื่องจากพื้นที่ชนบทต่างๆ ในซาราวักยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้น้อยมาก ขณะที่เว็บไซต์มุ่งกระจายเสียงวิทยุที่มีชื่อว่า เรดิโอ ฟรี ซาราวัก (Radio Free Sarawak) และเว็บไซต์ ซาราวัก รีพอร์ต (Sarawak Report) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน น่าที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อฐานเสียงในท้องถิ่นของตออิบได้ยิ่งกว่านักหนา อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า เว็บไซต์ทั้งสองซึ่งตั้งฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ได้ถูกโจมตีจากการที่มีผู้เข้าไปใช้บริการกันอย่างมโหฬารชนิดอธิบายไม่ได้ในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้เว็บไซต์ทั้งสองล่มไปหลายวันทีเดียว
ในการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ ตออิบในฐานะผู้นำในซาราวักของพันธมิตร BN ต้องเผชิญกับการท้าทายอย่างมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคฝ่ายค้านทั้ง 3 ที่รวมตัวกับเป็นพันธมิตร PR อันได้แก่ พรรคประชายุติธรรม (People's Justice Party) ที่นำโดย อันวาร์ ตัวแทนคนสำคัญที่สุดของฝ่ายค้านในเวลานี้, พรรคกิจประชาธิปไตย (Democratic Action Party ใช้อักษรย่อว่า DAP) ที่สมาชิกมาจากผู้คนหลายๆ เชื้อชาติ, และพรรคอิสลามรวมมาเลเซีย (Pan-Malaysian Islamic Party ใช้อักษรย่อว่า PAS) ทั้ง BN และ PR ต่างส่งผู้สมัครลงแข่งขันชิงที่นั่ง ส.ส.ของซาราวักทั้ง 31 ที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีผู้สมัครอีก 13 คนที่มาจากพรรคขนาดเล็กๆ อื่นๆ ตลอดจนมีผู้สมัครอีก 7 คนที่ลงชิงชัยแบบอิสระไม่สังกัดพรรคใด ผลก็คือ ตลอดทั่วทั้งรัฐนี้มีหลายเขตเลือกตั้งซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัคร 3 คน หรือ 4 คน
อันที่จริงแล้ว มีเครื่องบ่งชี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงสนับสนุนในซาราวักที่มีต่อแนวร่วม BN ของฝ่ายรัฐบาล กำลังค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ในการเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติระดับรัฐของซาราวักเมื่อปี 2011 ปรากฏว่าพวกฝ่ายค้านในแนวร่วม PR สามารถดึงคะแนนไปได้เท่ากับ 39% ของประชาชนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง สูงขึ้นมากทีเดียวจากระดับ 29% ที่พวกเขาเคยทำได้ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2008 และทำให้จำนวนที่นั่งของ PR ในสภานิติบัญญัติของรัฐซาราวักเพิ่มขึ้นจาก 7 ที่นั่งเป็น 15 ที่นั่ง ถึงแม้พรรคของตออิบเองยังคงมีชัยกวาดทุกที่นั่งที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ทว่าหุ้นส่วนสำคัญที่เป็นพันธมิตรในท้องถิ่น อันได้แก่ พรรคสหประชาชนซาราวัก (Sarawak United People's Party) ต้องปราชัยเสียที่นั่ง 5 ที่นั่งให้แก่พรรค DAP ของฝ่ายค้าน ส่วนใหญ่เป็นเขตเลือกตั้งในพื้นที่ชุมชนเมือง
ฝ่ายค้านกำลังเร่งทำคะแนนด้วยการโจมตีเรื่องที่คณะบริหารของตออิบถูกกล่าวหากระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งเมื่อบวกเรื่องนี้เข้ากับการปล่อยปละให้มีการตัดไม้, การแผ้วถางป่าเพื่อนำที่ดินมาทำสวนเกษตรขนาดใหญ่, และการยินยอมให้มีการสร้างเขื่อนต่างๆ แล้ว หมายความว่าพื้นที่ป่าฝนอันชุ่มชอุ่มเขียวขจีซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอยู่อย่างสมบูรณ์ในรัฐแห่งนี้ ต้องถูกโกร่นถางถูกตัดทำลายไปเป็นแถบมหึมา
การขับไสประชาชนพื้นถิ่นจำนวนมากมายให้ออกไปจากที่เคยอยู่อู่เคยนอน เพื่อเปิดทางให้แก่โครงการต่างๆ ซึ่ง BN หนุนหลังอยู่ ตลอดจนการที่หน่วยงานพัฒนาสวนเกษตรขนาดใหญ่ของรัฐที่พวกชาวท้องถิ่นมีผลประโยชน์ผูกพันอยู่ กลับสามารถทำผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างย่ำแย่ เหล่านี้ก็กัดกร่อนบั่นทอนแรงสนับสนุนของผู้คนท้องถิ่นที่ให้แก่ “การเมืองแบบมุ่งเน้นการพัฒนา (politics of developmentalism) ของ BN ในซาราวัก ผลลัพธ์จากปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้มีนักวิเคราะห์การเมืองบางคนเชื่อว่า พันธมิตร PR ของฝ่ายค้านอาจจะชนะได้ที่นั่ง ส.ส.ในซาราวักไประหว่าง 7 ถึง 9 ที่นั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเลือกตั้งที่เป็นพื้นที่ชุมชนเมือง ตลอดจนเขตเลือกตั้งในชนบทสองสามเขตซึ่งทราบกันดีว่าได้รับผลกระทบกระเทือนในทางลบจากพวกนโยบายต่างๆ ของ BN
อานิล เนตโต เป็นนักเขียนที่พำนักอยู่ในปีนัง
*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *
Swing states to decide Malaysian polls
By Anil Netto
03/05/2013
ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวมาเลเซีย เดินหน้าเข้าคูหาลงคะแนนกันในวันอาทิตย์นี้ (5 พ.ค.) ภายหลังช่วงเวลาแห่งการรณรงค์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งแข่งขันเฉือดเชือนกันอย่างระอุดุเดือด เป็นไปได้ทีเดียวว่า เกาะบอร์เนียวจะเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดในการตัดสินชัยชนะ ทั้งนี้ดินแดน 2 รัฐของมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนเกาะใหญ่แห่งนี้ อันได้แก่ ซาบาห์ กับ ซาราวัก กำลังกลายเป็น “รัฐช่วงชิง” (swing state) ซึ่งโอนเอนโยกคลอนอาจจะตกเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้ และเงื่อนไขสภาวการณ์หลายๆ ประการใน 2 รัฐดังกล่าว ก็ดูสุกงอมพอที่จะช่วยให้ฝ่ายค้านซึ่งนำโดย อันวาร์ อิบรอฮิม เป็นฝ่ายคว้าชัยได้ที่นั่งจนเพียงพอที่จะยุติการกุมอำนาจปกครองประเทศอย่างยาวนานหลายสิบปีของแนวร่วมรัฐบาลอันมีพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก เป็นแกนนำ
*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *
ปีนัง, มาเลเซีย – ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวมาเลเซีย เดินหน้าเข้าคูหาลงคะแนนกันในวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) นี้ โดยเป็นไปได้อย่างมากทีเดียวว่า การต่อสู้แข่งขันกันอย่างระอุดุเดือดคราวนี้ อาจตัดสินกันที่รัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัก ซึ่งเป็นดินแดนของมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว และกำลังกลายเป็น “รัฐช่วงชิง” (swing state) ซึ่งโอนเอนโยกคลอนอาจจะตกเป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้ ทั้งนี้ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลที่มีชื่อว่า “บาริซาน นาชันนัล” (Barisan Nasional ใช้อักษรย่อว่า BN) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก เป็นผู้ครอบครองคะแนนเสียงในพื้นที่แถบนี้อย่างเหนียวแน่นมาแต่ไหนแต่ไร ทว่ามีสัญญาณบ่งชี้หลายๆ ประการว่า การเลือกตั้งในคราวนี้แนวร่วมฝ่ายค้านที่ใช้ชื่อว่า ปะกะตัน รักยัต (Pakatan Rakyat ใช้อักษรย่อว่า PR) อาจจะสามารถยื้อแย่งทำแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
สภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซียนั้น มีที่นั่งรวมทั้งสิ้น 222 ที่นั่ง ในจำนวนนี้ทางรัฐซาบาห์ได้รับแบ่งสรรไป 25 ที่นั่ง และรัฐซาราวัค 31 ที่นั่ง ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะมีอัตราส่วนเท่ากับประมาณหนึ่งในสี่ของทั้งสภา ปรากฏว่าในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วคือเมื่อปี 2008 พันธมิตร PR ของฝ่ายค้าน ประสบชัยชนะได้ขึ้นเป็นรัฐบาลท้องถิ่นใน 5 รัฐจากจำนวนทั้งสิ้น 13 รัฐ ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร ก็ทำให้แนวร่วม BN ของฝ่ายรัฐบาลที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (United Malays Nasional Organization ใช้อักษรย่อว่า UMNO) เป็นแกนกลาง แม้ยังคงมีที่นั่งข้างมากเกินกึ่งหนึ่งอยู่ ทว่าไม่ได้ครองที่นั่งถึงสองในสาม ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดที่จะทำให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในทางนิติบัญญัติใดๆ ได้ตามใจชอบ PR เป็นการรวมตัวอย่างหลวมๆ ของ 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยที่มีอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบรอฮิม เป็นผู้นำ และกำลังรณรงค์หาเสียงด้วยการชูหลักนโยบายเรื่องธรรมาภิบาล การมีรัฐบาลมือสะอาดปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น หลังจากที่ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองอย่างต่อเนื่องร่วมๆ 6 ทศวรรษของพันธมิตร BN ที่มีพรรคอัมโน เป็นแกนนำ
เฉพาะผลการเลือกตั้งในซาบาห์และซาราวักเมื่อปี 2008 พวกพรรคฝ่ายค้านชนะได้ที่นั่ง ส.ส. ในซาบาห์และซาราวักไปเพียงรัฐละ 1 ที่นั่ง รวมแล้ว 2 ที่นั่งจากที่มีให้ชิงชัยทั้งสิ้น 56 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 54 ที่นั่งนั้นตกเป็นของ BN กล่าวได้ว่า ชัยชนะอย่างท่วมท้นใน 2 รัฐนี้ กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมนี้ชนะพันธมิตรฝ่ายค้านด้วยอัตราส่วน 140 ต่อ 82 ที่นั่ง ยังคงครองส่วนข้างมากเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับในการเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้ พวกพรรคฝ่ายค้านคาดการณ์ว่าพวกเขาจะทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาอย่างเป็นกอบเป็นกำในซาบาห์ และซาราวัก ซึ่งได้รับการพิจารณามานานแล้วว่าเป็นเสมือน “บัญชีเงินฝากประจำ” ของ BN เคียงข้างรัฐยะโฮร์ และรัฐปะหัง ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของมาเลเซีย
ทั้งซาราวักและซาบาห์ ต่างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันนอกชายฝั่ง ทว่าความมั่งคั่งร่ำรวยจากทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ไม่ได้ตกมาถึงมือประชาชนระดับรากหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ตามพื้นที่ส่วนในอันด้อยพัฒนาของรัฐทั้งสองนี้ ซาบาห์นั้นมีประชากรที่ชีวิตความเป็นต่ำในระดับยากจนในอัตราสูงที่สุดของประเทศ ขณะที่ชาวซาราวักจำนวนมากก็กำลังขุ่นข้องไม่พอใจหลังจากที่ต้องสูญเสียที่ดินอันตกทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษเป็นผืนมหึมาหลายๆ ผืน ให้แก่โครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ BN หนุนหลังอยู่ ตลอดจนให้แก่พวกบริษัททำไม้และบริษัททำสวนเกษตรขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลเส้นสายทางการเมือง
ในซาราวัก ผู้นำของแนวร่วมรัฐบาลในปัจจุบันคือ ตออิบ มาหมุด (Taib Mahmud) ผู้ครองตำแหน่งมุขมนตรี (Chief Minister) ของรัฐนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 32 ปีแล้ว ตออิบปกครองรัฐนี้ในลักษณะที่แลดูจากภายนอกเหมือนนุ่มนวลโอนอ่อนทว่าแท้ที่จริงเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเผด็จอำนาจ ตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา ผลประโยชน์ของพวกกิจการในครอบครัวของเขาได้แผ่ขยายเข้าครอบงำภาคธุรกิจมากมายในท้องถิ่น ผลกำไรจากธุรกิจเหล่านั้นได้ถูกนำไปหว่านโปรยซื้อหาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในต่างแดน ก่อตัวขึ้นเป็นหน่ออ่อนแห่งอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีทรัพย์สินอันสำคัญอยู่ทั้งในสหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, และออสเตรเลีย
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจในทางมิชอบในยุคสมัยแห่งการปกครองซาราวักของตออิบ ได้ถูกนำออกมาแฉโพยกันอย่างครึกโครมที่สุดโดยวิดิโอสืบสวนสอบสวนซึ่งจัดทำโดย โกลบอล วิตเนส (Global Witness) กลุ่มเอ็นจีโอมุ่งเฝ้าระวังเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ตั้งฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ในวิดีโอเรื่องนี้ นักสืบสวนของ โกลบอล วิตเนส ผู้หนึ่งได้ปลอมตัวเป็นนักลงทุนต่างชาติที่สนใจต้องการซื้อหาที่ดินผืนใหญ่ๆ หลายผืนราคาหลายล้านดอลลาร์ในซาราวัก ปรากฏว่าเขาได้รับการชักนำอ้างอิงจนกระทั่งได้เข้าเจรจาต่อรองเรื่องนี้กับพวกลูกพี่ลูกน้องของตออิบ โดยที่ได้มีการแอบบันทึกวิดีโอการต่อรองลับๆ เหล่านี้เอาไว้ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาต่อมาพวกทนายความที่เกี่ยวข้องยังได้ให้คำแนะนำแก่นักสืบสวนผู้ปลอมตัวเป็นนักลงทุนผู้นี้ เกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียภาษีอสังหาริมทรัพย์, วิธีการหลบหลีกไม่ต้องทำตามกฎระเบียบของมาเลเซียในเรื่องสัดสวนการถือหุ้นของคนท้องถิ่น, และวิธีการฟอกเงินในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ด้วยการแสร้งทำข้อตกลงที่มีเงื่อนงำคลุมเครือ หลังจากวิดิโอสืบสวนสอบสวนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว ทั้งพวกสมาชิกในครอบครัวของตออิบตลอดจนเหล่าทนายความของพวกเขา ต่างพากันออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ทั้งสิ้น
ในขณะที่วิดีโอแฉโพยซึ่งมีการเผยแพร่ทางออนไลน์นี้ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างอื้ออึงในหมู่นักเคลื่อนไหวและนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ ทว่าน่าจะส่งผลกระทบเพียงจำกัดเท่านั้นต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะจัดขึ้นมาในคราวนี้ เนื่องจากพื้นที่ชนบทต่างๆ ในซาราวักยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้น้อยมาก ขณะที่เว็บไซต์มุ่งกระจายเสียงวิทยุที่มีชื่อว่า เรดิโอ ฟรี ซาราวัก (Radio Free Sarawak) และเว็บไซต์ ซาราวัก รีพอร์ต (Sarawak Report) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน น่าที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อฐานเสียงในท้องถิ่นของตออิบได้ยิ่งกว่านักหนา อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า เว็บไซต์ทั้งสองซึ่งตั้งฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ได้ถูกโจมตีจากการที่มีผู้เข้าไปใช้บริการกันอย่างมโหฬารชนิดอธิบายไม่ได้ในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้เว็บไซต์ทั้งสองล่มไปหลายวันทีเดียว
ในการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ ตออิบในฐานะผู้นำในซาราวักของพันธมิตร BN ต้องเผชิญกับการท้าทายอย่างมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคฝ่ายค้านทั้ง 3 ที่รวมตัวกับเป็นพันธมิตร PR อันได้แก่ พรรคประชายุติธรรม (People's Justice Party) ที่นำโดย อันวาร์ ตัวแทนคนสำคัญที่สุดของฝ่ายค้านในเวลานี้, พรรคกิจประชาธิปไตย (Democratic Action Party ใช้อักษรย่อว่า DAP) ที่สมาชิกมาจากผู้คนหลายๆ เชื้อชาติ, และพรรคอิสลามรวมมาเลเซีย (Pan-Malaysian Islamic Party ใช้อักษรย่อว่า PAS) ทั้ง BN และ PR ต่างส่งผู้สมัครลงแข่งขันชิงที่นั่ง ส.ส.ของซาราวักทั้ง 31 ที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีผู้สมัครอีก 13 คนที่มาจากพรรคขนาดเล็กๆ อื่นๆ ตลอดจนมีผู้สมัครอีก 7 คนที่ลงชิงชัยแบบอิสระไม่สังกัดพรรคใด ผลก็คือ ตลอดทั่วทั้งรัฐนี้มีหลายเขตเลือกตั้งซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัคร 3 คน หรือ 4 คน
อันที่จริงแล้ว มีเครื่องบ่งชี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงสนับสนุนในซาราวักที่มีต่อแนวร่วม BN ของฝ่ายรัฐบาล กำลังค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ในการเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติระดับรัฐของซาราวักเมื่อปี 2011 ปรากฏว่าพวกฝ่ายค้านในแนวร่วม PR สามารถดึงคะแนนไปได้เท่ากับ 39% ของประชาชนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง สูงขึ้นมากทีเดียวจากระดับ 29% ที่พวกเขาเคยทำได้ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2008 และทำให้จำนวนที่นั่งของ PR ในสภานิติบัญญัติของรัฐซาราวักเพิ่มขึ้นจาก 7 ที่นั่งเป็น 15 ที่นั่ง ถึงแม้พรรคของตออิบเองยังคงมีชัยกวาดทุกที่นั่งที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ทว่าหุ้นส่วนสำคัญที่เป็นพันธมิตรในท้องถิ่น อันได้แก่ พรรคสหประชาชนซาราวัก (Sarawak United People's Party) ต้องปราชัยเสียที่นั่ง 5 ที่นั่งให้แก่พรรค DAP ของฝ่ายค้าน ส่วนใหญ่เป็นเขตเลือกตั้งในพื้นที่ชุมชนเมือง
ฝ่ายค้านกำลังเร่งทำคะแนนด้วยการโจมตีเรื่องที่คณะบริหารของตออิบถูกกล่าวหากระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งเมื่อบวกเรื่องนี้เข้ากับการปล่อยปละให้มีการตัดไม้, การแผ้วถางป่าเพื่อนำที่ดินมาทำสวนเกษตรขนาดใหญ่, และการยินยอมให้มีการสร้างเขื่อนต่างๆ แล้ว หมายความว่าพื้นที่ป่าฝนอันชุ่มชอุ่มเขียวขจีซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอยู่อย่างสมบูรณ์ในรัฐแห่งนี้ ต้องถูกโกร่นถางถูกตัดทำลายไปเป็นแถบมหึมา
การขับไสประชาชนพื้นถิ่นจำนวนมากมายให้ออกไปจากที่เคยอยู่อู่เคยนอน เพื่อเปิดทางให้แก่โครงการต่างๆ ซึ่ง BN หนุนหลังอยู่ ตลอดจนการที่หน่วยงานพัฒนาสวนเกษตรขนาดใหญ่ของรัฐที่พวกชาวท้องถิ่นมีผลประโยชน์ผูกพันอยู่ กลับสามารถทำผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างย่ำแย่ เหล่านี้ก็กัดกร่อนบั่นทอนแรงสนับสนุนของผู้คนท้องถิ่นที่ให้แก่ “การเมืองแบบมุ่งเน้นการพัฒนา (politics of developmentalism) ของ BN ในซาราวัก ผลลัพธ์จากปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้มีนักวิเคราะห์การเมืองบางคนเชื่อว่า พันธมิตร PR ของฝ่ายค้านอาจจะชนะได้ที่นั่ง ส.ส.ในซาราวักไประหว่าง 7 ถึง 9 ที่นั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเลือกตั้งที่เป็นพื้นที่ชุมชนเมือง ตลอดจนเขตเลือกตั้งในชนบทสองสามเขตซึ่งทราบกันดีว่าได้รับผลกระทบกระเทือนในทางลบจากพวกนโยบายต่างๆ ของ BN
อานิล เนตโต เป็นนักเขียนที่พำนักอยู่ในปีนัง
*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *