รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีเจค็อบ ซูมา แห่งแอฟริกาใต้แถลงวันจันทร์ (25) โดยระบุ มีทหารของกองทัพแอฟริกาใต้อย่างน้อย 13 นายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 27 คนระหว่างการต่อสู้กับฝ่ายกบฏในกรุงบังกีเมืองหลวงของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ถือเป็นความสูญเสียทางทหารที่เลวร้ายที่สุดของแอฟริกาใต้นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคการแบ่งแยกสีผิวเป็นต้นมา
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงของผู้นำแอฟริกาใต้ระบุ ทหารของแอฟริกาใต้ซึ่งถูกส่งเข้าไปช่วยเหลือรัฐบาลของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซ แห่งสาธารณรัฐแอฟริกากลางในการต่อกรกับนักรบฝ่ายกบฏ ได้ทำการต่อสู้อย่างห้าวหาญนานกว่า 9 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ (24) ที่ผ่านมาเพื่อปกป้องกรุงบังกี แต่ด้วยกำลังคนที่น้อยกว่าทำให้ไม่อาจต้านทานการรุกของฝ่ายกบฏได้ เป็นเหตุให้เมืองหลวงของแอฟริกากลางถูกตีแตก และประธานาธิบดีโบซิเซต้องหนีออกนอกประเทศโดยทางเรือ เข้าไปลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
ซูมา ผู้นำแอฟริกาใต้ยอมรับว่ามีทหารของกองทัพแอฟริกาใต้อย่างน้อย 13 นายเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ 27 คนในเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (24) ถือเป็นความสูญเสียที่เลวร้ายที่สุดของกองทัพแอฟริกาใต้นับตั้งแต่การแบ่งแยกสีผิวสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1994 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีซูมาย้ำว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลต่อความปรารถนาของแอฟริกาใต้ในการก้าวขึ้นเป็น “มหาอำนาจ” ในภูมิภาค
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้นำแอฟริกาใต้มีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่ประธานาธิบดีโบซิเซ วัย 66 ปี ซึ่งครองอำนาจในฐานะผู้นำสาธารณรัฐแอฟริกากลางมาตั้งแต่ปี 2003 ได้เดินทางหลบหนีเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์ คองโก) หลังจากที่กลุ่มแนวร่วมกบฏ “เซเลกา” สามารถบุกเข้ายึดเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสไว้ได้
ทั้งนี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งได้ชื่อว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างยูเรเนียม น้ำมัน ทองคำ และเพชร กลับติดอันดับหนึ่งในดินแดนที่ยากจนข้นแค้นที่สุดของโลกตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ และต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1960