รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซ แห่งสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศได้อย่างหวุดหวิดในวันอาทิตย์ (24) หลังกลุ่มกบฏกรีธาทัพบุกเข้ายึดกรุงบังกี เมืองหลวงของประเทศ
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลแอฟริกากลางและแหล่งข่าวที่เป็นนักการทูตตะวันตกจำนวนหนึ่งยืนยันว่า ประธานาธิบดีโบซิเซ วัย 66 ปี ซึ่งครองอำนาจในฐานะผู้นำสาธารณรัฐแอฟริกากลางมาตั้งแต่ปี 2003 ได้เดินทางหลบหนีเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์ คองโก) ในวันอาทิตย์ (24) หลังจากที่กลุ่มแนวร่วมกบฏที่ใช้ชื่อว่า “เซเลกา” สามารถบุกเข้ายึดเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้ไว้ได้
กัสตง มักกูซังบา โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกากลางออกมาแถลงยอมรับว่า กรุงบังกี ที่เป็นบ้านของประชากรกว่า 734,000 คน ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏแล้วอย่างสิ้นเชิง พร้อมแสดงความหวังว่าทหารฝ่ายรัฐบาลจะยอมวางอาวุธและยุติการตอบโต้ใดๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อมากกว่านี้
ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันเสาร์ (23) กองกำลังของฝ่ายกบฏ ได้รุกเข้าสู่พื้นที่แถบชานเมืองด้านเหนือของกรุงบังกี ก่อนจะเปิดฉากโจมตีด้วยอาวุธหนักนานาชนิดใส่พื้นที่ต่างๆ ของกรุงบังกีตั้งแต่รุ่งเช้าวันอาทิตย์ (24) และสามารถเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่างๆ ของเมืองเอาไว้ได้ทั้งหมด โดยกลุ่มกบฏออกแถลงว่า การบุกยึดเมืองหลวงมีขึ้น เพราะไม่พอใจที่ประธานาธิบดีโบซิเซ ละเมิดข้อตกลงสันติภาพที่ทำไว้กับพวกตนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโบซิเซ ต้องหลบหนีโดยอาศัยเรือลำหนึ่งเดินทางข้ามแม่น้ำอูบังกี เข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ (24) ก่อนที่ฝ่ายกบฏจะบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีได้ไม่นาน
ทั้งนี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งได้ชื่อว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างยูเรเนียม น้ำมัน ทองคำ และเพชร กลับติดอันดับหนึ่งในดินแดนที่ยากจนข้นแค้นที่สุดของโลกตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ และต้องเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1960
