xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : ระทึก! เมื่อ “แก๊งตัดจู๋” ระบาดหนักในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อพูดถึงประเทศสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (Central African Republic: CAR ) อดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสทางตอนกลางของทวีปแอฟริกานั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนคงนึกถึงข่าวความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆในดินแดนที่ ปราศจากทางออกสู่ทะเล (landlocked country) แห่งนี้

ข่าวความขัดแย้งทางการเมืองที่ว่า คือ การกรีฑาทัพของกลุ่มกบฏ “เซเลกา” บุกยึดกรุงบังกี เมืองหลวงของประเทศเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซ ผู้นำที่ครองอำนาจมายาวนานตั้งแต่ปี 2003 ต้องหนีตายขึ้นเรือข้ามแม่น้ำหลบออกไปลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและปล่อยให้มิเชล โฌโตเดีย ผู้นำฝ่ายกบฏ ก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ในวันเดียวกัน

อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุนานาชนิด รวมถึง ยูเรเนียม ทองคำ และเพชร แต่กลับได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในดินแดนที่ยากจนข้นแค้นที่สุดของโลก มิได้เผชิญแค่ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการเมืองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่า ผู้คนในสาธารณรัฐแอฟริกากลางกำลังตกอยู่ในภาวะ “อกสั่นขวัญแขวน” โดยเฉพาะบรรดาผู้ชายอกสามศอก หลังกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นสมาชิกของ “แก๊งขโมยจู๋” ออกอาละวาดอย่างหนัก ตามหมู่บ้านในเขตชนบทอันห่างไกลของประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แถบชนบทของแอฟริกากลาง แทบจะไม่ยอมออกจากบ้านไปทำมาหากิน ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่แม้แต่จะยอมจับมือทักทายกันและกันดังที่เคยถือปฏิบัติ สาเหตุเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ชายหลายคนต้องสูญเสีย “ของลับ” ของตนไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะถูกพวกแก๊งคนร้ายซึ่งชำนาญการใช้มีด ฉวยโอกาสตัดเอาอวัยวะเพศของพวกเขาไปในช่วงเสี้ยววินาที ขณะที่จับมือทักทายกันนั่นเอง

ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ชี้ว่า สมาชิกแก๊งตัดจู๋เหล่านี้มักจะสวมรอยเข้ามาในหมู่บ้านในฐานะนักท่องเที่ยว หรือพ่อค้าและมักลงมือก่อเหตุในสถานที่มีผู้คนรวมตัวกันอย่างเบียดเสียดหนา แน่น เช่น ตามตลาด โดยกลุ่มคนร้ายซึ่งถูกฝึกให้มีความเชี่ยวชาญในการใช้มีดมาเป็นอย่างดีจะทำที ตีสนิทกับผู้ชายที่เป็นเป้าหมาย และคนกลุ่มนี้สามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในการ “พรากความเป็นชาย” ไปจากเหยื่อ โดยมักอาศัยจังหวะระหว่างการจับมือกับเหยื่อหรือทอนเงิน รวมถึง ช่วงเวลาอื่นๆ ที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัว

จากนั้น คนร้ายจะอันตรธานหายตัวไปอย่างรวดเร็วในหมู่ฝูงชนที่พลุกพล่าน ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่า กลุ่มคนร้ายจะมีการ “ส่งต่อ” อวัยวะเพศชายที่ตัดมาได้กันเป็นทอดๆ ไม่ต่างจากพฤติกรรมแก๊งวิ่งราวทรัพย์สินที่พบเห็นได้ในหลายประเทศ รวมถึง ในเมืองไทย

เหยื่อรายหนึ่งจากหมู่บ้านขนาดเล็กในเมืองติริงกูลู ซึ่งมีประชากรเพียง 2,000 คนในแอฟริกากลาง เผยว่า ตัวเขาซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายน้ำชาแห่งหนึ่งในตลาด ถูกคนร้ายซึ่งแฝงตัวมาเป็นลูกค้าตัดเอาของลับไประหว่างการทอนเงิน โดยกว่าที่เขาจะรู้ตัวว่าอวัยวะเพศของตนถูกตัดไป คนร้ายก็หายตัวไปแล้ว ขณะที่เจ้าโลกของเขาซึ่งเคยมีความยาวหลายนิ้ว ได้ถูกตัดออกไป จนเหลือขนาดที่ไม่ต่างจากของเด็กวัยแรกเกิด

ในความเป็นจริงแล้วการแพร่ระบาดของแก๊งตัดจู๋ในทวีปแอฟริกามิใช่เรื่องใหม่ แต่อย่างใด เพราะเคยมีบันทึกที่ยืนยันว่า เรื่องสะเทือนขวัญนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ไนจีเรียและแคเมอรูนเมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะถูกทางการปราบปรามอย่างรุนแรง แต่การปรากฏขึ้นของแก๊งตัดอวัยวะเพศชายในสาธารณรัฐแอฟริกากลางนั้นถือเป็น เรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน

ทั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมแอฟริกันระบุว่า อวัยวะเพศชายส่วนใหญ่ที่ถูกตัดไปนั้น จะถูกส่งไปขายต่อใน “ตลาดมืด” ของวงการลักลอบค้าอวัยวะมนุษย์ในแอฟริกา และลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการสั่งซื้อจู๋เหล่านี้ คือ บรรดาผู้ที่ยึดอาชีพเป็นพ่อมด หมอผี หรือคนทรงในแอฟริกานั่นเองโดยพวกเขาจะนำอวัยวะเพศชายเหล่านี้ไปเป็นส่วน ประกอบในพิธีกรรมต่างๆทางไสยศาสตร์ รวมถึง ใช้เป็นยารักษาโรคแก่ชาวบ้านในท้องถิ่น ซึ่งยังคงมีความเชื่อฝังหัวในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ และยังอยู่ห่างไกลจากการแพทย์สมัยใหม่ตามแบบตะวันตก

ปรากฏการณ์แพร่ระบาดของขบวนการตัดอวัยวะเพศชายในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง สะท้อนให้เห็นว่า ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงให้ความสำคัญกับไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ และสิ่งนี้เองที่เปิดทางให้พวกมิจฉาชีพฉวยโอกาสใช้ช่องทางนี้ในการสร้างราย ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เพราะยิ่งมีความต้องการใช้ของลับของชายชาตรีมากขึ้นเท่าใด จำนวนของผู้ชายที่ต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งเหล่านี้ก็ย่อมต้องมีมากขึ้นตามไป ด้วย

ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยามที่สภาพบ้านเมืองของแอฟริกากลางกำลังตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพเช่นนี้ บรรดาหนุ่มๆ ในดินแดนแห่งนี้คงไม่อาจหวังพึ่งกำลังตำรวจหรือทหารให้ช่วยสร้าง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ และคงไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการดูแล “ของรักของหวง” ของตัวเองให้อยู่กับตัวให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้





กำลังโหลดความคิดเห็น