เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สันตะปาปาฟรานซิสทรงนำความปลาบปลื้มสู่สาธุชนชาวคริสต์ทั่วโลกอย่างไม่รู้คลาย เพราะนอกจากจะทรงเป็นพระคาร์ดินัลจากละตินอเมริการูปแรกที่ก้าวสู่ตำแหน่งสันตะปาปา และเป็นโป๊ปจากคณะเยซูอิตพระองค์แรกในประวัติศาสตร์แล้ว การใช้ชีวิตอย่างสมถะและความเป็นกันเองของพระองค์ก็เป็นคุณสมบัติที่ชาวคริสต์ต่างประจักษ์และยกย่อง
สันตะปาปาผู้สมถะ
สันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นชาวอาร์เจนตินา เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ในครอบครัวคนงานรถไฟที่อพยพจากอิตาลี ทรงมีพี่น้อง 7 คน และบวชเป็นบาทหลวงขณะอายุ 32 ปี หรือเกือบ 10 ปี หลังจากสูญเสียปอดไปข้างหนึ่งจากโรคทางเดินหายใจ และลาออกจากการศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นช่างเทคนิคทางเคมี
ประวัติอย่างเป็นทางการของพระองค์ตามฐานข้อมูลของสำนักวาติกัน ระบุว่า ทรงเป็นนักบวชในคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยซูอิต) ตั้งแต่ปี 1969 ก่อนจะทรงศึกษาเล่าเรียนต่อทั้งในอาร์เจนตินา และเยอรมนี
บาทหลวง ฮอร์เฆ มาริโอ แบร์โกกลิโอ ได้รับสมณศักดิ์เป็นบิช็อปเมื่อปี 1992 และได้รับเลื่อนเป็นอาร์คบิช็อปแห่งบัวโนสไอเรสในปี 1998 โดยขณะที่เป็นพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรสอยู่นั้น มักจะทรงเทศนาย้ำเตือนเรื่องความรักสามัคคีในสังคม และบ่อยครั้งที่ทรงตำหนิรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ไม่ให้ความสำคัญต่อกลุ่มคนชายขอบเท่าที่ควร
ฟรานเชสกา อัมโบรเก็ตติ หนึ่งในนักเขียนที่เรียบเรียงชีวประวัติของพระองค์ เผยว่า การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระสันตะปาปาองค์ใหม่เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ทรงเป็นที่ยกย่องชื่นชม ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็น สุขุม และเคร่งครัด ที่พำนักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรสก็เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่ายภายในเขตปกครองของอาร์กบิชอป นอกจากนี้ พระองค์ยังเคยเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเหมือนปุถุชนทั่วไป และเมื่อจะเสด็จไปกรุงโรมก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัดด้วย
อัมโบรเก็ตติชี้ว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงเป็น “พลังแห่งความสมดุล” แก่คริสตจักรโรมันคาทอลิก ด้วยทรงมีความเชื่อว่าคริสตจักรควรมีบทบาทในการเผยแผ่ศาสนา เข้าถึงประชาชน และมีความกระตือรือร้น ควรเป็นศาสนจักรที่ส่งเสริมและทำให้การศรัทธาเป็นเรื่องง่าย มากกว่าจะมุ่งกำหนดกฎเกณฑ์ให้คนปฏิบัติตามเท่านั้น
เอริค คามารา นักวิเคราะห์ด้านละตินอเมริกาประจำสำนักข่าวบีบีซี เป็นผู้สันทัดกรณีอีกคนหนึ่งที่บอกเล่าถึงชีวิตที่เรียบง่ายของพระสันตะปาปา โดยเขาเล่าว่า เมื่อพระองค์เสด็จฯมายังกรุงโรม มักจะทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดำธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดงและเสื้อกั๊กสีม่วงตามศักดิ์และสิทธิ์ของพระคาร์ดินัล และว่ากันว่าแม้แต่เสื้อกั๊กสีม่วงก็ทรงรับต่อมาจากพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรสองค์ก่อน
ความสมถะของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้ปรากฎชัดตั้งแต่วันที่เสด็จฯออก ณ ระเบียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ทรงเลือกที่จะสวมสร้อยกางเขนเหล็กธรรมดาที่พระองค์ได้รับมาตั้งแต่ยังเป็นผู้ช่วยบิชอปแห่งบัวโนสไอเรสเมื่อปี 1992 แทนที่จะเป็นกางเขนทองคำ และยังทรงสวมแหวนที่ทำจากเงินซึ่งเป็นของเดิมของพระองค์ แทนที่จะสวมแหวน Fisherman's Ring อันเป็นทั้งสัญลักษณ์และตราประจำพระองค์พระสันตะปาปา และมักจะทำจากทองคำแท้เสมอ
คลอดิโอ ฟรานชี เจ้าของสตูดิโอผู้ออกแบบแหวนทองคำที่สันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสวมใส่ตลอดระยะเวลาที่ทรงอยู่ในตำแหน่ง กล่าวว่า “ไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติที่สันตะปาปาจะทรงใช้แหวนซึ่งมีอยู่แล้ว หรือสั่งทำตามแบบเดิมที่เคยมี” ขณะที่ เปาโล พิชชิอ็อตติ ช่างทำเครื่องประดับชาวอิตาลีผู้อาศัยในกรุงโรม มองว่า “การที่ทรงปฏิเสธเครื่องประดับมีค่าและหลีกเลี่ยงทองคำ เท่ากับให้ความสำคัญต่อสัญลักษณ์ทางศาสนามากกว่าตัววัตถุ”
สำนักวาติกันเผยด้วยว่า อดีตอาร์คบิชอปแห่งบัวโนสไอเรสเดินไปเข้าที่ประชุมคอนเคลฟด้วยรองเท้าคู่เก่าโทรม จนสหายผู้หนึ่งของท่านต้องเอ่ยเตือนพร้อมกับซื้อคู่ใหม่ถวายให้
ทรงมีอารมณ์ขัน เข้าถึงประชาชน
คุณลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสก็คือพระอารมณ์ขัน และความเป็นกันเองอย่างยิ่งต่อประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงแตกต่างอย่างมากมายจากสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
“ดูเหมือนพี่น้องพระคาร์ดินัลของข้าพเจ้าจะต้องค้นหาไปไกลจนเกือบสุดขอบโลกทีเดียว (กว่าจะได้พระสันตะปาปา)” คือมุกตลกเล็กน้อยที่พระองค์ตรัสต่อสาธารณชนที่มาชุมนุม ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในวันซึ่งทรงได้รับคัดเลือกจากที่ประชุมคอนเคลฟเป็นพระสันตะปาปา และนับเป็นสิ่งที่แย้งกับภาพลักษณ์ของพระองค์ผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นพระคาร์ดินัลที่ไม่ยิ้มเลย
สำนวนโวหารเช่นนี้ไม่เคยหลุดจากพระโอษฐ์ของสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งมักจะทรง “อ่าน” สุนทรพจน์ที่ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า และอ้างถ้อยคำจากตำราเทววิทยาอยู่เสมอ
ครั้งหนึ่ง สันตะปาปาฟรานซิสทรงเอ่ยถึงสตรีสูงวัยชาวอาร์เจนตินาซึ่งบอกกับพระองค์ว่า หากพระเจ้าไม่อภัยในบาปทั้งหลายแล้ว โลกก็มิอาจดำรงอยู่ได้
“ข้าพเจ้าอยากถามเธอเหลือเกินว่า เธอเคยเรียนที่เกรโกเรียนหรืออย่างไร” พระองค์ตรัสอย่างอารมณ์ดี โดยอ้างถึงมหาวิทยาลัยแห่งสันตะปาปาเกรโกเรียนในกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานศึกษาสำหรับผู้นำคริสตศาสนานิกายคาทอลิก
สันตะปาปาฟรานซิสมิใช่ประมุขคริสตจักรพระองค์แรกที่ทรงมีอารมณ์ขัน ในอดีตสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 14 ก็ทรงเป็นที่กล่าวขวัญว่าชอบทำ “พิเรนทร์” ส่วนพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 1 ก็ทรงยิงมุกตลกกับพระราชาคณะอยู่บ่อยๆ
ความสนใจส่วนพระองค์ยังบ่งบอกได้ดีถึงความเป็น “ปุถุชน” ของสันตะปาปาฟรานซิส พระองค์ทรงเป็นแฟนตัวยงของสโมสรฟุตบอล ซาน โลเรนโซ ของอาร์เจนตินา และทรงขึ้นรถโดยสารจากบ้านไปชมการแข่งขันอยู่สม่ำเสมอจนกระทั่งได้ “ตั๋วปี” ของสโมสรด้วย
พระองค์ยังโปรดการเต้นจังหวะแทงโก้เป็นอย่างยิ่ง โดยเคยตรัสไว้เมื่อปี 2010 ว่า การเต้นแทงโก้คือสิ่งที่ “มาจากในตัวข้าพเจ้า” และยังทรงชื่นชอบนักร้องเพลงแทงโก้อย่าง คาร์ลอส การ์เดล และ ฮูลิโอ โซซา
แม้ทรงมีตำแหน่งเป็นถึงประมุขคริสตจักร สันตะปาปาฟรานซิสก็ยังทรงเปิดโอกาสให้คริสตชนเข้าถึงได้อย่างไม่ถือพระองค์ โดยทรงจับมือทักทายผู้ที่มารอเฝ้าฯหน้าประตูสำนักวาติกันอย่างเป็นกันเอง ขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัยได้แต่เพียงยืนดูด้วยความกังวล
หนุ่มชาวอาร์เจนตินานาม กาเบรียล โซเลซ ซึ่งชื่นชมในพระจริยวัตรถึงกับบอกว่า “พระองค์จะทรงนำความสงบสุขมายังพวกเรา เพราะไม่ทรงถือพระองค์เลย ทรงเป็นธรรมชาติ ใกล้ชิดประชาชน ซึ่งเราไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับพระสันตะปาปาองค์ก่อน”
ลิเลียนา วัลลินา วัย 52 ปี จากเมืองโรซาริโอ แสดงความเป็นห่วงว่าการที่พระสันตะปาปาฟรานซิสพยายามดึงคริสตจักรกลับไปสู่รากเหง้าอันบริสุทธิ์ อาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้นำบางคนในสำนักวาติกัน
“พระองค์ทรงห่วงใยคนยากคนจน ทรงเตือนให้คริสตจักรยึดความอ่อนน้อมสันโดษ ซึ่งเป็นสิ่งที่สภาปกครองคริสตจักรน่าจะเก็บไปคิด... คอยดูเถิด พระองค์จะทรงเป็นโป๊ปที่ยิ่งใหญ่แน่นอน หากพวกนั้นยอมให้พระองค์เป็น” เธอกล่าวทิ้งท้าย