เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นอกจากจะทรงเป็นพระคาร์ดินัลจากละตินอเมริการูปแรกที่ก้าวสู่ตำแหน่งประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิก และเป็นโป๊ปจากคณะเยซูอิตพระองค์แรกในประวัติศาสตร์แล้ว การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระองค์ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สาธุชนชาวคริสต์ล้วนชื่นชม
“ดูเหมือนพี่น้องพระคาร์ดินัลของข้าพเจ้าจะต้องค้นหาไปไกลจนเกือบสุดขอบโลกทีเดียว (กว่าจะได้พระสันตะปาปา)” พระองค์ตรัสต่อสาธารณชนที่มาชุมนุม ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ และนับเป็นมุกตลกที่ดูแย้งกับภาพลักษณ์ของพระองค์ผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นพระคาร์ดินัลที่ไม่ยิ้มเลย
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นชาวอาร์เจนตินา สมณศักดิ์เดิมของพระองค์คือ พระคาร์ดินัล จอร์เก มาริโอ แบร์โกกลิโอ แห่งบัวโนสไอเรส
การสืบทอดตำแหน่งประมุขคริสตจักรต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ของพระองค์นั้นนับว่าผิดความคาดหมายของบรรดาผู้สันทัดกรณีที่ไม่เคยมองพระองค์เป็นตัวเต็งมาก่อน และด้วยพระชนมายุ 76 พรรษา หรืออ่อนกว่าสันตะปาปาพระองค์เดิมเพียง 2 ปี ก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจต่อผู้ที่คาดหมายว่าโป๊ปพระองค์ที่ 266 น่าจะเป็นคนหนุ่มแน่นมากกว่า
อย่างไรก็ดี สันตะปาปาฟรานซิสก็ทรงมีคุณลักษณะเด่นเป็นที่พึงพอใจของฝ่ายอนุรักษนิยม และกลุ่มนักปฏิรูปในคริสตจักร ด้วยทรงเคร่งครัดต่อปัญหาการละเมิดทางเพศ แต่ขณะเดียวกันก็ทรงมีแนวคิดเสรีในเรื่องความยุติธรรมทางสังคม (social justice)
ชีวิตสมถะ
พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นชาวอาร์เจนิตา เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ในครอบครัวคนงานรถไฟที่อพยพจากอิตาลี พระองค์มีพี่น้อง 7 คน โดยบิดามารดามีเชื้อสายอิตาลี พระองค์บวชเป็นบาทหลวงขณะอายุ 32 ปี หรือเกือบ 10 ปีหลังจากสูญเสียปอดไปข้างหนึ่งจากโรคทางเดินหายใจ และลาออกจากการศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นช่างเทคนิคทางเคมี
ประวัติอย่างเป็นทางการของพระองค์ตามฐานข้อมูลของสำนักวาติกัน ระบุว่า ทรงเป็นนักบวชในคณะแห่งพระเยซูเจ้า (เยซูอิต) ตั้งแต่ปี 1969 ก่อนจะทรงศึกษาเล่าเรียนต่อทั้งในอาร์เจนตินา และเยอรมนี
บาทหลวงแบร์โกกลิโอ ได้รับสมณศักดิ์เป็นบิช็อปเมื่อปี 1992 และได้รับเลื่อนเป็นอาร์คบิช็อปแห่งบัวโนสไอเรสในปี 1998
เมื่อยังทรงเป็นพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรส พระสันตะปาปามักเทศนาย้ำเตือนเรื่องความรักสามัคคีในสังคม และบ่อยครั้งที่ทรงตำหนิรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ไม่ให้ความสำคัญต่อกลุ่มคนชายขอบเท่าที่ควร
ฟรานเชสกา อัมโบรเก็ตติ หนึ่งในนักเขียนที่เรียบเรียงชีวประวัติของพระองค์ เผยว่า การใช้ชีวิตอย่างสมถะของพระสันตะปาปาองค์ใหม่เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ทรงเป็นที่ยกย่องชื่นชม
“ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม และเคร่งครัด... พระองค์ทรงเคยโดยสารรถไฟใต้ดิน รถประจำทาง เหมือนปุถุชนทั่วไป และเมื่อจะเสด็จไปกรุงโรมก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด”
ที่พำนักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรสเป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ภายในเขตปกครองของอาร์กบิชอปซึ่งอยู่ถัดจากโบสถ์
เอริค คามารา นักวิเคราะห์ด้านละตินอเมริกาประจำสำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า เมื่อเสด็จมายังกรุงโรม พระองค์มักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดำธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดงและเสื้อกั๊กสีม่วงตามศักดิ์และสิทธิ์ของพระคาร์ดินัล และว่ากันว่าแม้แต่เสื้อกั๊กสีม่วงของพระองค์ก็ทรงรับต่อมาจากพระคาร์ดินัลแห่งบัวโนสไอเรสองค์ก่อนด้วย
อัมโบรเก็ตติชี้ว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงเป็น “พลังแห่งความสมดุล” แก่คริสตจักรโรมันคาทอลิก ด้วยทรงมีความเชื่อว่าคริสตจักรควรมีบทบาทในการเผยแผ่ศาสนา เข้าถึงประชาชน และมีความกระตือรือร้น ควรเป็นศาสนจักรที่ส่งเสริมและทำให้การศรัทธาเป็นเรื่องง่าย มากกว่าจะมุ่งกำหนดกฎเกณฑ์เท่านั้น
ในขณะที่พระองค์มีความโด่งดังในฐานะผู้กล้าท้าทายคนมีอำนาจ และมีปัญหาขัดแย้งกับประธานาธิบดีอาร์เจนตินาหลายคนอยู่เนืองๆ
กระนั้น พระองค์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการที่คริสตจักรคาทอลิกดูจะเงียบเฉยเกินไปและเสมือนยอมรับการใช้อำนาจกดขี่ปราบปรามฝ่ายค้านในยุคที่เผด็จการทหารปกครองอาร์เจนตินาระหว่างปี 1976-1983 ถึงแม้พวกผู้สนับสนุนพระองค์จะออกมาแก้ต่างว่า พระองค์ได้พยายามช่วยเหลือผู้ถูกรังแกอย่างเงียบๆ ไม่ใช้วิธีเผชิญหน้า
ภายใต้การนำของคาร์ดินัลแบร์โกกลิโอ บรรดาบิช็อปของอาร์จเนตินาได้ออกคำขอโทษร่วมกันฉบับหนึ่งในเดือนตุลาคม 2012 จากการที่คริสตจักรคาทอลิกล้มเหลวมิได้พิทักษ์คุ้มครองบรรดาสาธุชนเท่าที่ควรในยุคเผด็จการ กระนั้นคำแถลงขอโทษนี้ ก็ประณามความรุนแรงในยุคนั้นว่าเกิดขึ้นทั้งจากน้ำมือของระบอบเผด็จการทหารและศัตรูของระบอบนั้นในระดับน้ำหนักใกล้เคียงกัน