เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีทอมมี เรเมงเกซอ แห่งสาธารณรัฐปาเลา ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เตรียมบังคับใช้มาตรการอนุรักษ์สุดเข้ม ห้ามทำการประมงในเชิงพาณิชย์อย่างสิ้นเชิงในน่านน้ำของประเทศ หวังสร้างเขตสงวนพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกินพื้นที่ขนาดเท่ากับประเทศฝรั่งเศสทั้งประเทศ
ผู้นำปาเลา วัย 57 ปี เผยว่าประเทศของตนซึ่งมีเนื้อที่เฉพาะส่วนที่เป็นแผ่นดินเพียง 459 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรอาศัยอยู่ราว 21,000 คนตามเกาะแก่งต่างๆจำนวน 300 แห่ง ต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำอย่างเต็มรูปแบบโดยหวังจะสร้างเขตอนุรักษ์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่ปาเลาเคยประสบความสำเร็จในการจัดตั้งเขตสงวนพันธุ์ “ฉลาม” แห่งแรกของโลกมาแล้วเมื่อปี 2009
ตามมาตรการล่าสุดที่ผู้นำปาเลาเตรียมประกาศใช้นั้น จะกำหนดให้พื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ)ทั้งหมดของปาเลาเกือบ 630,000 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแหล่งดำน้ำชื่อดัง จะถูกประกาศให้เป็นเขตสงวนพันธุ์สัตว์น้ำทั้งหมด และห้ามการทำประมงในเชิงพาณิชย์โดยเด็ดขาด ยกเว้นการจับสัตว์น้ำแบบพื้นบ้านเพื่อการยังชีพ ที่ยังสามารถทำได้ต่อไป
ด้านยูมิช เซงเกบอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของปาเลาเผยว่า รัฐบาลปาเลาจะยกเลิกข้อตกลงต่างๆที่เคยอนุญาตให้กองเรือประมงต่างชาติเข้ามาจับสัตว์น้ำในน่านน้ำของตน หลังการประกาศเขตอนุรักษ์ดังกล่าว พร้อมชี้ว่าการหารายได้จากการออกใบอนุญาตจับสัตว์น้ำให้แก่เรือประมงต่างชาตินั้น เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนและเงินรายได้ดังกล่าวซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก ยังไม่คุ้มค่ากับทรัพยากรทางทะเลที่ปาเลาต้องสูญเสียไป
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลปาเลามีรายได้ราวปีละ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 147 ล้านบาท) จากการออกใบอนุญาตจับสัตว์น้ำในเชิงพาณิชย์ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวราว 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 118 ล้านบาท) มาจากการจับ “ปลาทูนา” โดยกองเรือประมงจากญี่ปุ่นและไต้หวัน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเรเมงเกซอแห่งปาเลา เคยออกมาเปิดเผยโดยอ้างตัวเลขจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ว่า ในแต่ละปี อุตสาหกรรมปลาทูนามีมูลค่าสูงถึงราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 118,290 ล้านบาท) แต่มีเงินเพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่กลับคืนมาสู่ปาเลา ซึ่งเป็นดินแดนที่มีปลาทูนาถูกจับไปมากที่สุด
