เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ออกรายงานฉบับล่าสุด ในวันพุธ (13) ระบุเกือบ 2 ใน 3 ของประชากรในเอเชียแปซิฟิกต้องดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจาก “น้ำสะอาด” ทั้งที่ภูมิภาคดังกล่าวมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ชี้ ความมั่นคงด้านน้ำเป็นปัญหาสำคัญของประเทศต่างๆในแถบนี้
รายงานซึ่งใช้ชื่อว่า “Asian Water Development Outlook” ของเอดีบีระบุ ขณะนี้ 37 จาก 49 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความมั่นคงด้านน้ำในระดับที่ต่ำมาก โดยขณะนี้ประชากรกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ทั่วภูมิภาคยังคงต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีแหล่งน้ำที่มั่นคงสำหรับใช้ในครัวเรือนเช่น น้ำประปาที่มีความสะอาดตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และดินแดนแถบเอเชียใต้ ซึ่งจำนวนผู้คนที่สามารถเข้าถึงน้ำประปายังมีเพียง 21 เปอร์เซ็นต์และ 23 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ในส่วนของการเข้าถึง “สุขา” นั้น รายงานของเอดีบีระบุว่า ประชาชนอย่างน้อย 64 เปอร์เซ็นต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกมีห้องสุขาที่ถูกหลักอนามัย ขณะที่ประชาชนในส่วนอื่นๆของเอเชียแปซิฟิกอีกกว่า 1,740 ล้านคนยังคงไม่มีห้องสุขาที่เหมาะสมใช้ และส่วนใหญ่ของปัญหาการขาดแคลนสุขานั้นจะเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแถบเอเชียใต้
ราเนช ไวเดีย ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำชาวเนปาล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดทำรายงานฉบับดังกล่าวเผยที่สำนักงานใหญ่ของเอดีบีในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์โดยระบุ รัฐบาลของประเทศต่างๆในเอเชียแปซิฟิกยังคงละเลยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ และไม่ใส่ใจการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่บินดู โลฮานี รองประธานเอดีบีด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค รวมถึง การไม่สามารถเข้าถึงห้องสุขาที่เหมาะสมยังคงเป็นปัญหาหลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งๆที่ ภูมิภาคแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการ “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก”
ทั้งนี้ รายงานของเอดีบีสรุปว่า ต้องใช้เงินกว่า 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.74 ล้านล้านบาท)ในการแก้ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในเอเชียแปซิฟิก และอีกกว่า 71,000 ล้านดอลลาร์( 2.1 ล้านล้านบาท)ในการปรับปรุงสุขาทั่วภูมิภาค