เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั่วโลกต้องตกตะลึงกับการตัดสินพระทัยสละตำแหน่งแบบไม่คาดฝัน ของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในวัย 85 พรรษาด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ การตัดสินใจลาออกซึ่งมีผลสมบูรณ์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาชาวเยอรมันดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี นับตั้งแต่การลาออกของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 12 เมื่อปี ค.ศ. 1415 และนับเป็นพระประมุขคริสตจักรคาทอลิกพระองค์แรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1294 เป็นต้นมา ที่ตัดสินพระทัยสละตำแหน่งด้วยตัวของพระองค์เอง
หลังการตัดสินใจพระทัยแบบช็อกโลกของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ผ่านพ้นไปไม่กี่สัปดาห์ กระบวนการสรรหา “โป๊ป” พระองค์ใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ นครรัฐวาติกัน ผ่านกลไกของการ “ประชุมลับ” ของเหล่าพระคาร์ดินัลชั้นสูงจำนวน 115 คนจากทั่วโลกภายในวิหารซิสทีน (Sistine Chapel) ซึ่งผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา จะต้องได้รับคะแนนโหวตเสียงข้างมากแบบ 2 ใน 3 หรืออย่างน้อย 77 เสียง
รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศสำนักต่างๆ เมื่อช่วงก่อนรุ่งสางของวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม ตามเวลาในประเทศไทยซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคมในนครรัฐวาติกันระบุว่า พระคาร์ดินัล “ฮอร์เฆ มาริโอ เบร์โกกลิโอ” วัย 76 พรรษา แห่งอาร์เจนตินาทรงได้รับการคัดเลือกในการลงมติลับ “รอบที่ 5” ให้ก้าวขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ซึ่งเป็นพระองค์ที่ 266 ในประวัติศาสตร์ โดยพระองค์ตัดสินใจเลือกใช้พระนามว่า “ฟรานซิส”
ไฮไลต์สำคัญที่สุดคือ ผลการเลือกตั้งของคณะพระคาร์ดินัลชั้นสูงที่ออกมา ได้ส่งผลให้ “โป๊ป ฟรานซิส” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากละตินอเมริกา และยังกลายเป็นโป๊ปพระองค์แรกที่มิใช่ชาวยุโรปในรอบเกือบ 1,300 ปีของประวัติศาสตร์คาทอลิก แม้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงมีเชื้อสายอิตาเลียนที่ส่งผ่านมาจากผู้เป็นบิดาซึ่งประกอบอาชีพเป็นคนงานสร้างทางรถไฟที่อพยพจากอิตาลีไปตั้งรกรากในอาร์เจนตินาก็ตาม
การเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในครั้งนี้ ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นว่า เป็นการส่งสัญญาณจากทางสำนักวาติกันที่เคยขึ้นชื่อเรื่องความเป็น “อนุรักษนิยมแบบสุดขั้ว” ว่า พร้อม “เปิดกว้าง” มากขึ้นนับจากนี้ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ก่อนหน้านี้สื่อหลายสำนักในอิตาลี รวมถึง “ลา สตัมปา” ต่างคาดการณ์ว่า มีพระคาร์ดินัล “ตัวเต็ง” 3 ราย ที่มีโอกาสมากที่สุดในการได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในครั้งนี้ แทนที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ทรงสละตำแหน่ง ประกอบด้วย พระคาร์ดินัลอังเจโล สโกลาแห่งอิตาลี พระคาร์ดินัลโอดิโล เชเรร์แห่งบราซิล และพระคาร์ดินัล มาร์ก อูลเลต์แห่งแคว้นควิเบกในแคนาดา
แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาว่า คาร์ดินัล “ฮอร์เฆ มาริโอ เบร์โกกลิโอ” แห่งอาร์เจนตินา ได้รับการคัดเลือกนั้น ถือเป็นเรื่องที่ “พลิกโผ” และสร้างความประหลาดใจมิใช่น้อย เพราะขนาดบรรดาบริษัทรับพนันถูกกฎหมายหลายแห่งยังจัดให้พระคาร์ดินัลชาวอาร์เจนไตน์ผู้นี้เป็นเพียงตัวเต็งใน “ลำดับที่ 40” เท่านั้นที่มีสิทธิ์ก้าวขึ้นครองตำแหน่งสูงสุดในวาติกัน
ทั้งนี้ ในการปรากฏพระองค์ครั้งแรกที่ระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในฐานะศูนย์รวมทางจิตใจพระองค์ใหม่ของชาวคาทอลิกกว่า 1,200 ล้านคนทั่วโลกได้กล่าวให้ทุกคนร่วมกันสวดภาวนาแด่สมเด็จพระสันตะปาปาเกียรติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 และขอให้ยึดมั่นในความเป็นพี่น้องกันภายในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาในระยะหลังของประชาชนที่มีต่อคริสตจักรฯ โดยเฉพาะจากข่าวที่มีเด็กและผู้หญิงจำนวนมาก ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพวกพระคาร์ดินัลคาทอลิกชั้นผู้ใหญ่ขณะที่ทางสำนักวาติกันเองก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในการแก้ปัญหาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลการคัดเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ที่ออกมา ได้สร้างความปลื้มปีติให้แก่ผู้คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคละตินอเมริกา บ้านของประชากรคาทอลิกที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของชาวคาทอลิกทั่วโลก
ด้านสำนักวาติกันประกาศว่า พิธีสถาปนาสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมโบราณจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า และเป็นที่คาดกันว่าพิธีดังกล่าวจะกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก เฝ้ารอติดตามชมมากที่สุดในปี 2013 นี้เลยทีเดียว
