เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- รัฐบาลเม็กซิโกเตรียมออกมาตรการขจัดการผูกขาดในธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศ ส่งผลให้เจ้าพ่อแห่งวงการสื่อสารอย่าง “การ์โลส สลิม เอลู” มหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องกลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลเม็กซิโก ภายใต้การนำของประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต วัย 46 ปี เตรียมบังคับใช้มาตรการป้องกันการผูกขาดในธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งรวมถึงการบังคับให้บริษัทหรือองค์กรธุรกิจที่เป็นเป้าหมายต้องยอมขายทรัพย์สินตามคำสั่งของรัฐบาลหากถุกระบุว่า มีพฤติกรรมผูกขาดทางธุรกิจ โดยเป็นที่คาดกันว่า เป้าหมายหลักของการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวของรัฐบาลแดนจังโก้ คือ การ์โลส สลิม วัย 73 ปี เจ้าของตำแหน่งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลก 3 ปีซ้อน จากการจัดอันดับของนิตยสาร “ฟอร์บส์” ของสหรัฐฯ นั่นเอง
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สลิมซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองกว่า 73,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.16 ล้านล้านบาท) กลายเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศมานานหลายปีผ่านทางบริษัท “เตลเม็กซ์” และ “อเมริกา โมบิล” ของเขา โดยสลิมเป็นผู้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70เปอร์เซ็นต์ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเม็กซิโกขณะนี้ รวมถึงการครองส่วนแบ่งอีก 80 เปอร์เซ็นต์ในตลาดโทรศัพท์พื้นฐานตามบ้านเรือน
“จุดมุ่งหมายหลักของมาตรการนี้ คือ ลดการผูกขาดและสร้างการแข่งขันที่เปิดกว้างในตลาดโทรคมนาคมของเรา และเราต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ประธานาธิบดี เอ็นริเก เปนญา เนียโต กล่าวที่กรุงเม็กซิโก ซิตีในวันจันทร์ (11)พร้อมย้ำว่า ประชาชนชาวเม็กซิกันจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดหากปราศจากการผูกขาดในธุรกิจโทรคมนาคม
ทั้งนี้ มาตรการขจัดการผูกขาดของทางการเม็กซิโก จะมีผลให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมของเม็กซิโกเพิ่มมากขึ้นและหากทางการพบว่าบริษัทแห่งใดมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจดังกล่าวสูงเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ทางการก็มีอำนาจในการบังคับให้บริษัทแห่งนั้นๆ ต้องยอมขายทรัพย์สินของตัวเองในทันทีเพื่อลดการผูกขาด
อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า ความหวังในการบังคับใช้มาตรการลดการผูกขาดดังกล่าวของรัฐบาลเม็กซิโกอาจประสบกับอุปสรรคสำคัญ นั่นคือการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดกว้างธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศให้กับพวกนักลงทุนต่างชาติ