เอเจนซีส์ - จีนแสดงความ “ไม่พอใจอย่างรุนแรง” หลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศฮิลลารี คลินตัน ของสหรัฐฯ ออกมาเตือนปักกิ่งอย่างอ้อมๆ ว่า อย่าท้าทายญี่ปุ่นที่เป็นผู้ควบคุมหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์/เซงกากุ อยู่ในเวลานี้ พร้อมกันนั้นแดนมังกรยังกระทุ้งวอชิงตัน ให้จริงจังในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ รวมทั้งรักษาคำมั่นที่จะเป็นกลางในประเด็นขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นนี้
ฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงผ่านเว็บไซต์เมื่อวันอาทิตย์ (20) ว่า ปักกิ่งไม่พอใจและคัดค้านคำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่างรุนแรง กรณีพิพาทช่วงชิงกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะกลางทะเลจีนตะวันออก ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “เซงกากุ” ส่วนจีนขนานนามว่า “เตี้ยวอี๋ว์” นี้ เป็นกรณีที่ยืดเยื้อมานานปีแล้ว แต่กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นเมื่อปีที่แล้วหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นซื้อหมู่เกาะเซงกากุ จากเอกชนที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในเดือนกันยายน ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างเดือดดาลในจีน
นับจากนั้นจีนส่งเรือของทางการและเครื่องบินตรวจการณ์เข้าสู่บริเวณใกล้หมู่เกาะแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่ญี่ปุ่นทำการประท้วงและส่งสัญญาณจะเพิ่มกำลังอารักขาให้มากขึ้น
“เราเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปฏิบัติต่อประเด็นหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์อย่างรับผิดชอบ” ฉินระบุ พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันระมัดระวังคำพูดและการกระทำ และดำเนินมาตรการที่เป็นจริงในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ รวมทั้งความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ
คำแถลงของฝ่ายจีนคราวนี้ออกมาหลังจากคลินตันกล่าวที่วอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (18) ระหว่างต้อนรับการเยือนของฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯ คัดค้านการดำเนินการฝ่ายเดียวที่มีจุดหมายเพื่อบ่อนทำลายอำนาจการบริหารหมู่เกาะเซงกากุของญี่ปุ่น
แม้ในการแถลงเธอไม่ได้พาดพิงเอ่ยชื่อจีนตรงๆ แต่คลินตันก็สำทับว่า “เราไม่ต้องการเห็นการดำเนินการของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดหรือการคำนวณผิดพลาดที่จะบ่อนทำลายสันติภาพ เสถียรภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้”
วอชิงตันยืนกรานว่า ตนเป็นกลางในประเด็นข้อพิพาทด้านอธิปไตยเหนือหมู่เกาะดังกล่าว แต่สำทับว่า สนับสนุนอำนาจการบริหารของญี่ปุ่น
ปักกิ่งนั้นวิจารณ์จุดยืนของอเมริกามาตลอด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การที่จีนส่งเรือตรวจการณ์ไปยังพื้นที่ที่มีกาซธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ดังกล่าว เป็นการท้าทายอำนาจการควบคุมของโตเกียว
สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้อ่อนไหวยิ่งขึ้นคือ สนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน ซึ่งกำหนดให้สหรัฐฯ ที่มีฐานทัพในญี่ปุ่น ให้ความช่วยเหลือแดนปลาดิบในกรณีที่ถูกโจมตี
นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น นั่นคือการที่ชินโซ อาเบะ นักการเมืองสายเหยี่ยวที่มีแนวทางชาตินิยม ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของญี่ปุ่น
สัปดาห์ที่แล้ว สื่อของทางการจีนรายงานว่า พญามังกรได้ทำการสำรวจหมู่เกาะดังกล่าวทางภูมิศาสตร์ และยังระบุว่า กองทัพจีนได้รับคำสั่งให้เพิ่มสมรรถนะการสู้รบในปีนี้โดยมีวัตถุประสงค์ในการ “ต่อสู้และเอาชนะปรปักษ์”
อนึ่ง ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างเป็นทางการต่อทัศนะของคลินตันนี้ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่สื่อของทางการจีนได้ออกมาวิจารณ์คำพูดดังกล่าวอย่างรุนแรง
สำนักข่าวซินหวาวิพากษ์ว่า เป็นการไม่ฉลาดเอาเลยที่วอชิงตันให้การสนับสนุนโตเกียวในกรณีพิพาทเรื่องหมู่เกาะกับปักกิ่ง “จุดยืนที่ไม่สมดุลนี้เป็นการทรยศเจตนารมณ์ที่วอชิงตันประกาศไว้ว่าจะเป็นกลางในประเด็นนี้”