เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ชาวกรีซที่มีรายได้มากกว่า 42,000 ยูโร (ราว 1.68 ล้านบาท) ต่อปี จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีแบบมหาโหดถึงร้อยละ 42 ของรายได้ ทั้งนี้เป็นข้อกำหนดในร่างกฎหมายด้านภาษีฉบับใหม่ที่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในกรุงเอเธนส์เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (13)
รายงานข่าวระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับใหม่ซึ่งคาดว่าจะผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาของกรีซในไม่ช้า มีข้อกำหนดที่ระบุว่า หากประชากรรายใดมีรายได้ต่อปีรวมแล้วมากกว่า 42,000 ยูโร (ราว 1.68 ล้านบาท) ก็จะต้องยอมจ่ายภาษีให้รัฐในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 42 ของรายได้ทั้งหมด ถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลกรีซในการหารายได้เพิ่มเติมเพื่อลดปัญหาการขาดดุลงบประมาณ และบรรเทาปัญหาหนี้สินของประเทศ
ยานนิส สตูร์นาราส รัฐมนตรีคลังของกรีซ เผยว่า เนื้อหาในร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่นี้ได้ถูกนำไปเสนอต่อผู้แทนของภาคีเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย หรือ “ทรอยกา” ที่ประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แล้ว ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในกรุงเอเธนส์
ความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายฉบับใหม่ด้านภาษีของกรีซมีขึ้นในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่รัฐบาลเอเธนส์ทำไว้กับบรรดาเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินกู้ยืมก้อนใหม่จำนวน 49.1 พันล้านยูโร (ราว 1.97 ล้านล้านบาท) ที่กรีซจะได้รับภายในเดือนมีนาคม ปีหน้า โดยในจำนวนดังกล่าวกว่า 34.3 พันล้านยูโรจะได้รับภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ต่างพากันตั้งคำถามถึงความสำเร็จของรัฐบาลกรีซในการรีดภาษีจากประชาชนในครั้งนี้ว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด เนื่องจากในเวลานี้อัตราการว่างงานของประชาชนในประเทศพุ่งสูงแตะระดับ 26 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนวัยทำงานมีรายได้เฉลี่ยต่อปีน้อยกว่า 7,200 ยูโร (ราว 108,252 บาท) ต่อปีเท่านั้น