xs
xsm
sm
md
lg

ฉลุย! สภากรีซผ่านงบปี 2013 โอกาสปลดล็อกเงินกู้ “ทรอยกา” €31,500 ล้านเห็นรำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส และคณะรัฐมนตรีกรีซ ปรบมือแสดงความยินดี หลังรัฐสภามีมติผ่านร่างงบประมาณปี 2013 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้กรีซได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดถัดไปจากยุโรปและไอเอ็มเอฟก่อนวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้
เอเอฟพี - สภากรีซลงมติผ่านร่างงบประมาณรัดเข็มขัดสำหรับปี 2013 ซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์มีคุณสมบัติเข้าข่ายขอรับเงินกู้งวดถัดไปจากกลุ่ม “ทรอยกา” และสามารถนำประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตล้มละลายได้

ไฟเขียวจากสภาครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส ที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขขององค์กรเจ้าหนี้ หลังจากสามารถผลักดันแผนหั่นงบประมาณ 18,500 ล้านยูโร (ราว 721,000 ล้านบาท) ให้ผ่านสภาไปได้สำเร็จไปเมื่อวันพุธที่แล้ว (7)

ร่างงบประมาณปี 2013 ผ่านการรับรองจากสภาด้วยเสียงสนับสนุน 167 เสียงจากทั้งหมด 300 เสียง และคาดว่าจะช่วยให้กรีซได้รับอนุมัติเงินกู้งวดใหม่อีก 31,500 ล้านยูโร (ราว 1.22 ล้านล้านบาท) จาก “ทรอยกา” ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี)

ปัญหาหนี้สินกรีซจะเป็นวาระหลักของการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน วันนี้ (12) ซึ่งจะมีการพิจารณาว่า กรีซได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของทรอยกาครบถ้วน และเข้าข่ายสมควรได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่หรือไม่

ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ (11) ยานนิส สตูร์นาราส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซ ยืนยันต่อสภาว่า ร่างงบประมาณซึ่งตัดลดรายจ่ายลงไปถึง 9,400 ล้านยูโร (ราว 366,000 ล้านบาท) นั้น คือสิ่งรับประกันว่าเอเธนส์จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจอยู่รอดต่อไป

“ผมขอยืนยันว่าเงินช่วยเหลืองวดถัดไปจะถูกเบิกจ่ายแก่เราอย่างแน่นอน”

ด้านนายกรัฐมนตรีซามาราสก็โล่งอกที่เห็นพรรคร่วมรัฐบาลยังร่วมมือร่วมใจกันดี ก่อนหน้านี้แผนรัดเข็มขัดเข้มงวดก็ผ่านสภาไปแบบฉิวเฉียด ด้วยคะแนนโหวตเกินครึ่งเพียง 3 คะแนนเท่านั้น

“เมื่อผ่านขั้นที่สองไปได้แล้ว จากนี้ไปก็คือช่วงเวลาแห่งการเติบโตและฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ซามาราสแถลง

หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากยุโรปและไอเอ็มเอฟ กรีซเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะล้มละลายภายในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลจะครบกำหนดจ่ายคืนหนี้พันธบัตรอายุ 3 เดือน รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านยูโร (ราว 194,000 ล้านบาท)
กำลังโหลดความคิดเห็น