เอเอฟพี/รอยเตอร์ - โรงพยาบาล คิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ในกรุงลอนดอนออกแถลงการณ์ประณามสถานีวิทยุออสเตรเลีย หลังเกิดกรณีผู้สื่อข่าว 2 รายปลอมเสียงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส เพื่อหลอกถามพระอาการประชวรของเจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสส์แห่งเคมบริดจ์ จนเป็นเหตุให้พยาบาลผู้รับโทรศัพท์ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นการเล่นแผลงๆที่ “น่าตกใจอย่างยิ่ง”
การเสียชีวิตของ เจซินธา ซัลดันฮา พยาบาลวัย 46 ปี ถือเป็นเรื่องช็อกสังคมอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าเธอตัดสินใจปลิดชีพตนเองเพราะรู้สึกผิดที่ถูกหลอกให้เผยข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งพระครรภ์ของเจ้าหญิงเคต
ศพของ ซัลดันฮา ถูกพบเมื่อวันศุกร์(7)ที่ผ่านมา หลังจากที่เธอรับโทรศัพท์จาก เมล เกรก และ ไมเคิล คริสเตียน สองผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุ 2Day FM ในนครซิดนีย์ ซึ่งปลอมเสียงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถ และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 5.30 น.ของวันอังคาร(4) ซึ่งพนักงานต้อนรับประจำโรงพยาบาลยังไม่เข้างาน ซัลดันฮา จึงเป็นผู้รับโทรศัพท์ และได้โอนสายของคนทั้งสองให้แก่พยาบาลอีกรายหนึ่งซึ่งแจ้งให้ปลายสายทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอาการของพระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งเสด็จฯมาประทับที่โรงพยาบาลเนื่องจากทรงแพ้ท้องอย่างรุนแรง
เมื่อวันเสาร์ (8) ลอร์ด ไซมอน เกลนาร์เธอร์ ประธานโรงพยาบาล คิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ได้ส่งจดหมายไปยัง แม็กซ์ มัวร์-วิลตัน ประธานบริษัท เซาเทิร์น ครอส ออสเตริโอ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ 2Day FM เพื่อประท้วงพฤติกรรมหลอกลวงดังกล่าว “ด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด”
“แค่ผู้ประกาศข่าวของคุณเกิดความคิดที่จะโกหกเพื่อล้วงความลับของคนไข้ในโรงพยาบาลเรา ก็เป็นเรื่องโง่เขลามากพออยู่แล้ว อย่าว่าแต่ลงมือทำจริงเลย”
“และไม่เพียงเท่านั้น การที่พวกคุณบันทึกเสียงโทรศัพท์ไว้ล่วงหน้า และตัดสินใจนำออกมาถ่ายทอด โดยที่ทางสถานีก็ยินยอม ถือเป็นเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวนอย่างยิ่ง”
“ผลลัพธ์ในทันทีของการกระทำโดยไม่ยั้งคิดและขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบนั้น ได้สร้างความละอายใจแก่พยาบาล 2 คนซึ่งอุทิศตนทำงานเพื่อคนไข้มาโดยตลอด ยิ่งเมื่อมีการรายงานข่าวไปทั่วโลก ผลต่อเนื่องก็ยิ่งส่งผลยาวนานออกไปอีก และพูดตรงๆ แล้ว น่าเศร้าเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้”
หนังสือพิมพ์ เดอะซัน ของอังกฤษ แถลงในบทบรรณาธิการว่า การเสียชีวิตของ ซัลดันฮา เป็นโศกนาฎกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้น และ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอคงเครียดที่สร้างความเสื่อมเสียต่อราชวงศ์และทางโรงพยาบาลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์”
“เราคงได้แต่คาดเดาความทุกข์ทรมานในใจของเจซินธา ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเธอปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพด้วยความสัตย์ซื่อ แต่สุดท้ายต้องมาเจอปัญหาทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”
แมรี แอทเวลล์ เพื่อนบ้านวัย 56 ปีของพยาบาลผู้เสียชีวิต เล่าว่า “เธอเป็นคนน่ารักมาก และพูดจาทักทายคนอื่นเสมอ ใครๆก็ทราบว่าเธอเป็นพยาบาลที่อุทิศตัวมากแค่ไหน”
“ดีเจสองคนนั้นควรจะถูกไล่ออก พวกเขาไม่น่าทำเช่นนั้น เธอคงยังมีชีวิตอยู่หากดีเจทั้งสองคนไม่โทรศัพท์ไป”
บริเวณด้านนอกอาคารพักอาศัยของพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่พบศพซัลดันฮา เมื่อวันเสาร์มีผู้นำช่อดอกไม้มาวางไว้อาลัยหลายช่อ ส่วนที่บ้านของครอบครัวของเธอในเมืองบริสตอล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ญาติๆ และเพื่อนๆ ได้มารวมตัวกันเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจสามีของเธอ เบเนดิกต์ บาร์โบโซ และบุตรชายวัย 14 กับบุตรสาววัย 16 ปีของทั้งคู่
มีรายงานว่า ครอบครัวนี้ได้โยกย้ายจากอินเดียมาอยู่ในอังกฤษเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
ด้าน ไรน์ส ฮอลเลอรัน ผู้บริหาร เซาเทิร์น ครอสส์ ออสเตริโอ แถลงว่า 2Day FM และผู้สื่อข่าวทั้งสองรายจะงดถ่ายทอดรายการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด “เพื่อแสดงความคารวะ” ต่อผู้ตาย
“นี่เป็นเรื่องเศร้าที่เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น และรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง” ฮอลเลอรัน ให้สัมภาษณ์ที่เมืองเมลเบิร์น พร้อมเสริมว่า ทั้ง เกรก และ คริสเตียน ซึ่งเป็นผู้โทรศัพท์ไปหลอกถามอาการเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ “หัวใจสลาย” เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของพยาบาล
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทยังยืนยันว่า สถานีวิทยุ 2Day FM ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายข้อใด
ชาวออสเตรเลียนั้น ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ไปจนถึงผู้คนตามท้องถนน ต่างแสดงความเสียใจและรู้สึกหดหู่ที่การหลอกเล่นหวังสนุกกลับเลยเถิดบานปลายไปเช่นนี้ ขณะที่พวกโซเชียลมีเดียก็เต็มไปด้วยข้อความขุ่นเคืองโกรธกริ้วสถานีวิทยุ
มีบริษัทใหญ่อย่างน้อย 2 แห่ง ได้ระงับการโฆษณาทาง 2Day FMแล้ว และหน่วยงานกำกับดูแลสื่อรายหนึ่งก็แถลงว่า จะพูดจาสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นจากเจ้าของ สถานีวิทยุของออสเตรเลียแห่งนี้
กรณีที่เกิดขึ้นนี้ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามกันมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมของสื่อมวลชนออสเตรเลีย โดยเฉพาะในเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง 2Day FM ก็เคยถูกหน่วยงานอิสระกำกับตรวจสอบการสื่อสารของออสเตรเลียประณามตำหนิ ภายหลังที่ผู้จัดรายการผู้หนึ่งของสถานีวิทยุแห่งนี้ ได้พูดคุยออกอากาศกับเด็กสาววัย 14 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งเปิดเผยเรื่องที่เธอเคยถูกข่มขืน
ทั้งนี้ในส่วนของสื่อมวลชนอังกฤษเองก็กำลังเผชิญคำถามเรื่องจริยธรรมเช่นเดียวกัน จากการถูกเปิดโปงเรื่องมีพฤติการณ์แอบดักฟังโทรศัพท์อย่างกว้างขวาง กระทั่งนำเอาข้อมูลที่ทราบมาไปใช้ในทางมิชอบ เวลานี้สื่ออังกฤษต่างกำลังดิ้นรนที่จะตกลงเห็นชอบให้มีระบบการควบคุมจัดระเบียบกันเองระบบใหม่ขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐเข้ามาแทรกแซง
