รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลสำรวจความเห็นล่าสุดในญี่ปุ่นที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (26) ระบุ พรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี (แอลดีพี) พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ยังคงมีคะแนนนิยมนำโด่งก่อนถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ส่อเค้าได้กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งหลังประสบความพ่ายแพ้แก่พรรคเดโมเครติก ปาร์ตี ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) เมื่อ 3 ปีก่อน
ผลสำรวจความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์รายวัน “โยมิอูริ” ระบุว่า ร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวญี่ปุ่นจะลงคะแนนให้กับพรรคแอลดีพีภายใต้การนำของนายชินโสะ อาเบะ “ เต็งหนึ่ง” นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น ขณะที่พรรครัฐบาลที่ก้าวขึ้นครองอำนาจนับตั้งแต่ปี 2009 อย่างดีพีเจ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มตัวอย่างแดนปลาดิบเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น
ที่น่าประหลาดใจ คือ ผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวที่ระบุว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวญี่ปุ่นร้อยละ 14 ที่ระบุ มีแผนจะลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองของพวก “สายเหยี่ยว” ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่อย่าง พรรค เจแปน เรสโทเรชัน ปาร์ตี (เจอาร์พี) ที่นำโดยนายชินทาโร อิชิฮาระอดีตผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว วัย 80 ปี และโทรุ ฮาชิโมโตะ นายกเทศมนตรีนครโอซากา
ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดของหนังสือพิมพ์ “อาซาฮี” ที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (26) เช่นกัน ก็ระบุว่าร้อยละ 23 ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวญี่ปุ่น จะลงคะแนนให้กับพรรคแอลดีพี ส่วนอีกร้อยละ 13 และร้อยละ 9 จะลงคะแนนให้กับพรรคดีพีเจ และพรรคเจอาร์พี ตามลำดับ
ด้านผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดที่มีการเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (25) ระบุว่าพรรคแอลดีพีมีคะแนนนิยมสูงสุดที่ร้อยละ 18.7 ตามมาด้วยพรรคเจอาร์พีที่ร้อยละ 10.3 ส่วนพรรครัฐบาลอย่างดีพีเจหล่นไปอยู่อันดับที่ 3 โดยได้คะแนนนิยมเพียงร้อยละ 8.4 เท่านั้น
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากหลายสำนักลงความเห็นว่า ญี่ปุ่นอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวายทางการเมืองหลังการเลือกตั้งวันที่ 16 ธันวาคมนี้ เนื่องจาก ไม่ว่าพรรคใดที่เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากใน “สภาล่าง” หรือสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นได้อย่างเด็ดขาด และจะต้องถูกบีบให้หันไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อตั้งรัฐบาลผสมขึ้นบริหารประเทศ