xs
xsm
sm
md
lg

ขุนคลังเมืองเบียร์มั่นใจ “กรีซ” จะไม่ล้มละลาย-ไม่ออกจากยูโรโซน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โวล์ฟกัง ชอยเบิล
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนีเผยในวันอาทิตย์ (14) โดยแสดงความมั่นใจว่า ประเทศซึ่งมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างกรีซ จะไม่ต้องประสบกับภาวะล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ขุนคลังคู่ใจวัย 70 ปีของนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนีรายนี้เตือนว่า รัฐบาลเอเธนส์จะต้องเผชิญกับความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้าย หากตัดสินใจก้าวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซน หรือ 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลัก พร้อมย้ำการออกจากยูโรโซนของกรีซจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อสมาชิกที่เหลืออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

รายงานข่าวระบุว่า ชอยเบิล ซึ่งครองตำแหน่งมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2009 ได้กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมกับบรรดาผู้นำภาคธุรกิจที่สิงคโปร์ โดยแสดงความมั่นใจว่า กรีซจะไม่ต้องก้าวเข้าสู่ภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจ แม้ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส ผู้นำกรีซจะออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลของเขากำลังสุ่มเสี่ยงต่อการก้าวเข้าสู่ภาวะล้มละลายหากไม่ได้รับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เนื่องจากมีเงินคงคลังเพียงพอสำหรับใช้จ่ายได้จนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น ขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซกับเจ้าหนี้รายใหญ่ทั้ง 3 องค์กรเกี่ยวกับความช่วยเหลือครั้งใหม่ยังคงไม่มีความคืบหน้า

“กรีซได้ดำเนินมาตรการปฏิรูปอย่างจริงจังหลายประการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการต่างๆย่อมสร้างความเจ็บปวดแก่ประชาชนในประเทศบ้าง แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็ตระหนักดีว่ารัฐบาลเอเธนส์ได้ทำในสิ่งที่มีความจำเป็นแล้ว” ชอยเบิลกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี ยังแสดงความมั่นใจว่า กรีซจะไม่หันหลังให้กับเงินยูโร เพราะหากรัฐบาลเอเธนส์ตัดสินใจทำเช่นนั้น ไม่เพียงแค่กรีซ ที่จะต้องเผชิญกับความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างเลวร้าย แต่ประเทศอื่นๆในยูโรโซนก็จะต้องพลอยเผชิญผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ แหล่งข่าวในรัฐบาลเอเธนส์รายหนึ่งเผยว่า นายกรัฐมนตรีซามาราสของกรีซ หวังจะบรรลุข้อตกลงว่าด้วยแพ็จเกจมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมกับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ความช่วยเหลือรอบใหม่ในระหว่างการประชุมของบรรดาผู้นำอียูในวันที่ 18-19 ตุลาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น