เอเอฟพี - เศรษฐกิจกรีซที่ย่ำแย่จากปัญหาหนี้สินล้นพ้นต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีก 2 ปีจึงจะกลับมาเข้มแข็งได้ ผู้อำนวยการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงที่กรุงโตเกียววันนี้ (11)
คริสติน ลาการ์ด กล่าวในงานแถลงข่าวระหว่างประชุมไอเอ็มเอฟที่ญี่ปุ่นว่า ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าเอเธนส์จะลดหนี้ลงมาอยู่ในระดับที่ตกลงกันไว้
“แทนที่จะรีบเร่งตรวจสอบอย่างเข้มงวด มันอาจจะดีกว่าเมื่อมองจากสถานการณ์และความจริงที่ว่าหลายประเทศก็หันมาใช้นโยบายที่คล้ายๆ กันเพื่อลดภาระหนี้สิน บางครั้งมันอาจจะดีกว่าที่จะให้เวลาต่อไปอีกสักนิด”
“นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้องให้กับโปรตุเกส, สเปน รวมถึงกรีซด้วย”
“ดิฉันย้ำมาหลายครั้งว่ากรีซต้องการเวลาอีก 2 ปีจึงจะสามารถปรับภาวะการคลังให้สมดุล (fiscal consolidation) ได้อย่างจริงจัง”
เอเธนส์ต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดและตัดลดงบประมาณอย่างเข้มงวด เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขขอกู้และรับเงินช่วยเหลือมูลค่ารวม 347,000 ล้านยูโร ซึ่งมาตรการที่ว่านี้ส่งผลให้เศรษฐกิจกรีซถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวอีกถึง 3.8% ในปี 2013
ประชากรกรีซ 1 ใน 5 ประสบปัญหาว่างงาน ส่วนผู้ที่ยังมีงานทำก็ถูกลดเงินเดือนกันถ้วนหน้า
รัฐบาลกรีซรับปากจะลดการขาดดุลสาธารณะ (public deficit) ให้เหลือเพียง 2.1% ของจีดีพีภายในปี 2014 แต่ในปีที่แล้วตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงถึง 7.3%
ไอเอ็มเอฟระบุว่า กรีซยังมีหนี้สาธารณะถึง 170% ของจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และคาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 182% ในปีหน้า
ถ้อยแถลงของลาการ์ดมีขึ้นไม่นานนัก หลังจากนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการจ่ายเงินช่วยเหลือของยุโรป ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงระหว่างเดินทางไปเยือนกรีซ โดยผู้ประท้วงต่างชูป้ายประณามเธอว่าไม่ต่างจากพวกนาซี
กรีซกำลังรอฟังผลเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปกับไอเอ็มเอฟว่าจะอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่ 31,500 ล้านยูโร เพื่อเพิ่มทุนให้กับธนาคาร และจ่ายหนี้สินภายในประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มถดถอยเป็นปีที่ 6 หรือไม่
นายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5) ว่า กรีซไม่สามารถกลืน “ยาขม” ได้อีกแล้ว และหากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่เร็วๆ นี้ เงินคงคลังของรัฐบาลจะหมดลงภายในเดือนพฤศจิกายน