โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• Bertelsmann Stiftung ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไรภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดในเยอรมนี เปิดเผยผลการศึกษาถึงการถอนตัวออกจากยูโรโซนของกรีซ ว่าอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจยุโรปและนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้
โดยอาจทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกรีซได้รับความเสียหายถึง 1.64 แสนล้านยูโร (2.15 แสนล้านดอลลาร์) ภายในปี 2563 ในขณะที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 42 อันดับแรกของโลกก็จะซึมซับเอาความเสียหายดังกล่าวเป็นมูลค่าถึง 6.74 แสนล้านยูโร
• การประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU) ที่จัดขึ้น ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมวันที่ 18-19 นี้ จะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิกฤตยูโรโซน โดยประเด็นสำคัญคือแผนการจัดตั้งสหภาพธนาคารของยูโรโซน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นในกลุ่มยูโรโซน
นอกจากนี้ คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับการกำกับดูแลธนาคาร การเพิ่มระดับคุมเข้มด้านการคลัง และการนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือของภูมิภาคมาเพิ่มทุนโดยตรงให้กับธนาคารที่ประสบปัญหา
• อังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาเรียกร้องให้มีการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นในสหภาพยุโรป (อียู) ด้วยการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจของอียูควรมีสิทธิอำนาจในการประกาศให้งบประมาณเป็นโมฆะ
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับ โวล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนี ซึ่งเสนอมาตรการปฏิรูป EU รวมถึงการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินของอียูมีสิทธิออกเสียงวีโต้ในประเด็นงบประมาณของประเทศสมาชิก
• ชาวกรีซจำนวนมาในหลายสาขาอาชีพได้ออกมาประท้วงการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU) อย่างรุนแรงมากขึ้น และแสดงออกอย่างเด่นชัดถึงความเกลียดชังที่มีต่อเยอรมนีในนโยบายที่ให้กรีซรัดเข็มขัด กับการให้สหภาพยุโรปมีอำนาจเหนืองบประมาณของแต่ละประเทศ
• หนี้เสียของธนาคารสเปนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.5% ของพอร์ทสินเชื่อธนาคารในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.9% ในเดือนก.ค.
• S&P ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของไซปรัสลงสู่ระดับ B จากเดิมที่ BB โดยมีแนวโน้มเชิงลบ ขณะที่รัฐบาลไซปรัสเตรียมการหารือรอบสุดท้ายว่าด้วยข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินกับกลุ่มทรอยก้า
• ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือน ก.ย. ปรับตัวดีเกินคาด โดยเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือน ส.ค.ที่หดตัวลง 0.1% และพุ่งขึ้น 2.5% จากช่วงเดือน ก.ย.ปีก่อน ซึ่งช่วยเพิ่มความหวังว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 หลังจากที่หดตัวลง 3 ไตรมาสติดต่อกัน
• ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 46,000 ราย มาอยู่ที่ 388,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 365,000 ราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์เพิ่มขึ้น 750 รายเป็น 365,500 ราย ซึ่งข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
• Scott Mather หัวหน้าทีมบริหารพอร์ตโฟลิโอทั่วโลกของ PIMCO ระบุว่า สหรัฐอเมริกาจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ เพียงแต่เมื่อไรยังไม่แน่ชัด ขึ้นอยู่กับสภาพตอนสิ้นปีนี้ และมันอาจเกิดขึ้นค่อนข้างเร็วหลังจากนั้น
และหากโอบามากลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดี การแก้ปัญหา Fiscal Cliff และการขาดดุลของสหรัฐจะออกมาไม่สวยนักโดย GDP ปีหน้าคงขยายได้เพียง 1.5%
• เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.4% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2009 เมื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจดิ่งลงสู่ระดับ 6.6% ขณะที่เกิดวิกฤติการเงินในตลาดโลก
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน และร่วงลงจากระดับ 7.6% ในไตรมาส 2 ขณะที่เมื่อเทียบรายไตรมาสมีการขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 3 จากคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.8%
• TDRI ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นนโยบายที่ไม่ได้ช่วยชาวนายากจนที่มีอยู่ 7.7 ล้านคน แต่กลับช่วยชาวนาที่ฐานะปานกลางและร่ำรวยที่มีอยู่ถึง 9.9 ล้านคนเท่านั้น และยังทำให้รัฐขาดทุนกว่า 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งหากราคาข้าวลดลงรัฐจะขาดทุนเพิ่มขึ้น 31.7-38.2% ของงบลงทุนของประเทศในปี 54/55
นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อคุณภาพข้าวไทยในระยะยาว และทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทยที่เคยมีความสามารถในการแข่งขันสูง
• โตโยต้า จะลงทุน 4 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 15,600 ล้านบาท ในการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลในโรงงานแห่งหนึ่งของไทยขึ้นกว่า 2 เท่า จาก 290,000 เครื่อง เป็นสู่ระดับ 610,000 เครื่องต่อปี ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่
• บริดจ์สโตน คอร์ป ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่า จะทุ่มเงินลงทุน 2.80 แสนล้านเยน หรือราว 110,000 ล้านบาท ในปี 2013 เพื่อขยายกำลังการผลิตยางในประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทยและอินเดีย
Equity Market
• คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกฎระเบียบของตลาดหุ้นออสเตรเลีย กำลังพิจารณาการที่ราคาหุ้นบางตัวในดัชนี S&P/ASX 200 พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงเริ่มการซื้อขายวานนี้ (18 ต.ค.) อันได้แก่
หุ้นออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป (ANZ)
หุ้นอะริสโตแครท เลเซอร์
หุ้นเอจีแอล เอ็นเนอร์จี
และหุ้นแบรมเบิลส์
ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 7% เมื่อตลาดเปิดทำการในเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 06.00 น.ตามเวลาไทย
• SET Index ปิดที่ 1,311.21 จุด เพิ่มขึ้น 9.93 จุด หรือ 0.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43,839 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 922 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับผลดีจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเมื่อวันพุธ จึงส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมถึงยังมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี รวมถึงปัญหาหนี้ของกรีซและสเปนที่มองกันว่ามีแนวโน้มที่จะคลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้
• ที่ประชุมกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ลงมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 รับรองผลการประมูลใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G บนย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ เมื่อ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมออกใบอนุญาตให้ผู้ประมูลทั้ง 3 ราย คือ ADVANCม TRUE และ DTAC
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลช่วงอายุไม่เกิน 7 ปีปรับตัวลดลงอยู่ระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% ขณะที่ ช่วงอายุเกินกว่า 7 ปี ปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 0.01% ถึง 0.04% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 13 วัน วงเงิน 40,000 ล้านบาท
• ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ของ กนง. เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นการ "ซื้อประกัน" ให้กับเศรษฐกิจในประเทศ ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป และย้ำว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นการรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่การส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาลง และไม่เป็นการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อให้มีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย
• สเปนสามารถระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 / 4 /10 ปีได้จำนวน 4.577 พันล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้ 3.5-4.5 พันล้านยูโร โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทุกประเภทปรับลดลงจากการประมูลครั้งก่อน และยอดจองซื้อส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้พันธบัตรอายุ 3 ปีมีอัตราผลตอบแทน 3.227% จากเดิมที่ 3.676% อายุ 4 ปี อยู่ที่ 3.977% ลดลงจาก 4.603% และอายุ 10 ปี อยู่ที่5.458% จากเดิม 5.666% สะท้อนถึงการตอบรับในด้านบวกที่เจ้าหนี้ผู้ซื้อพันธบัตรมีความคาดหวังต่อข่าวที่สเปนอาจขอความช่วยเหลือทางการเงิน
Guru Corner
•Marc Faber กล่าวในงานประชุมประจำปี IMF/World bank ว่า ในปัจจุบันนี้ GDP จีนโตจริงๆ แค่ 4% เป็นอย่างมากเท่านั้น (หมายถึงไม่เชื่อตัวเลขที่รัฐบาลจีนประกาศ)
ถ้าเปิดร้านอาหารที่เหมือนกันเป๊ะและให้อยู่ติดกัน 2 ร้าน มีเมนูอย่างเดียวกัน ตกแต่งร้านเหมือน กัน และมีผู้จัดการคนเดียวกันยืนอยู่ตรงทางเข้า แล้วในช่วงเปิดร้านใหม่ๆ 10 วันแรก ให้ร้านหนึ่งไปจ้างคนหลายๆ คนมายืนต่อคิวรอเข้าร้านของตน เชื่อได้เลยว่าคนที่ตั้งใจมาทานอาหารจริงจะเลือกไปต่อคิวยาวๆ มากกว่าจะไปอีกร้านที่ว่าง
นี่ก็เพราะคนมีแนวโน้มจะวิ่งเข้าหาที่ที่มีคนมากมายให้ความสนใจ
•Jim Rogers บางพื้นที่ในเศรษฐกิจโลกจะบูมใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ และการเกษตรจะเป็นหนึ่งในนั้น
แม้จีนจะพบอุปสรรคใดใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจ ความไม่สงบภายใน หรือแม้แต่สงคราม แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องชั่วคราวและจัดการได้ และจีนยังมีทุนสำรองจำนวนมหาศาลที่นำมาใช้ได้ในวันที่ยากลำบาก
แต่เรื่องเดียวที่ผมกังวลเกี่ยวกับจีนคือการไม่จัดการทรัพยากรน้ำ
ผมเดินทางมากมายทั่วโลก พบว่าหากไม่มีน้ำคนจะอยู่ไม่ได้ เมืองทั้งเมืองหายไปหมดถ้าไม่มีน้ำ
ดังนั้น น้ำจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจีนต้องให้ความสำคัญที่สุด เพราะน้ำจะเป็นจุดจบของความรุ่งเรืองของประเทศจีน