รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อัตราว่างงานของเยอรมนีเพิ่มสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ในเดือนสิงหาคม ถือเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ชาติซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างเยอรมนี เริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากวิกฤตหนี้สินของกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักและยังเป็นเรื่องปวดหัวล่าสุดสำหรับนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิล
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากกระทรวงแรงงานของเยอรมนีระบุว่า การปรับยอดตัวเลขผู้ว่างงานตามฤดูกาลล่าสุดพบว่า มีจำนวนคนว่างงานภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกราว 9,000 คนในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ยอดรวมของคนว่างงานทั้งประเทศเพิ่มเป็นทั้งสิ้น 2.901 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 6.8 สาเหตุสำคัญมาจากการที่ภาคการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงคำสั่งซื้อทางด้านอุตสาหกรรมต่างหดตัวลงอย่างพร้อมเพรียงในเดือนนี้ ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนเยอรมนีก็ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีทั้งสายการบินลุฟต์ฮันซา, ธนาคารดอยช์แบงก์ รวมถึงเมโทร เอจี บริษัทค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ต่างออกมาประกาศเตรียมปลดคนงานอีกหลายพันตำแหน่งในเร็วๆนี้เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร
ทั้งนี้ อัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นกำลังกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวเรื่องใหม่ สำหรับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำหญิงของเยอรมนี วัย 58 ปี ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2005 เนื่องจากเธอต้องนำพรรคคริสเตียน เดโมเครติก ยูเนียน (ซีดียู) ลงสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า และตัวเลขผู้ว่างงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางแผนช่วยเหลือต่อประเทศสมาชิกยูโรโซน ที่กำลังประสบภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวและขาดดุลงบประมาณอย่างหนักไม่ว่าจะเป็น กรีซ อิตาลี สเปน และโปรตุเกส เพราะชาวเยอรมันจำนวนมากขึ้นคงจะเรียกร้องให้นางแมร์เคิลหันมาสนใจแก้ปัญหา “ในบ้าน” ของตัวเอง แทนการนำเงินภาษีและงบประมาณของเยอรมนี ไปช่วยเหลือประเทศอื่นที่ไร้วินัยทางการเงิน
