เอเจนซีส์ - นิวยอร์กขู่ถอนใบอนุญาตสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวหาเป็น “แบงก์ทุจริต” ซ่อนธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับอิหร่านมูลค่าถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นการละเมิดมาตรการลงโทษคว่ำบาตรเตหะรานของทางการสหรัฐฯ ด้านแบงก์ยักษ์สัญชาติอังกฤษรายนี้ปฏิเสธพร้อมท้าพิสูจน์ข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้น “สแตนชาร์ต” ตกฮวบฮาบ
สำนักงานบริการการเงิน (ดีเอฟเอส) ของมลรัฐนิวยอร์กระบุว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (สแตนชาร์ต) วางแผนกับเตหะรานเพื่อซ่อนธุรกรรมลับ 60,000 รายการที่สร้างรายได้นับร้อยล้านดอลลาร์ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี รวมทั้งทำให้ระบบการธนาคารของสหรัฐฯ เสี่ยงต่อการเข้าถึงของผู้ก่อการร้าย ผู้ค้ายาเสพติด ตลอดจนพวกรัฐบาลคอร์รัปชัน
หากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดถูกตัดสินว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา และถึงขั้นสูญเสียใบอนุญาตดำเนินกิจการธนาคารในนิวยอร์ก ก็จะส่งผลรุนแรงต่อแบงก์แห่งนี้ซึ่งมีความชำนาญเป็นพิเศษในการทำธุรกิจแบงก์ในบรรดาประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากจะปิดช่องทางเข้าถึงตลาดธนาคารของอเมริกาโดยตรง นอกจากนั้นสแตนชาร์ตยังอาจถูกปรับมหาศาลระดับหลายพันล้านดอลลาร์
ดีเอฟเอสแจงว่า ในเดือนตุลาคม 2006 เจ้าหน้าที่อาวุโสที่ดูแลธุรกิจในอเมริกาของสแตนชาร์ตได้เตือนอย่างตื่นตระหนกว่า การเกี่ยวข้องกับอิหร่านอาจทำลายชื่อเสียงของแบงก์ และนำมาซึ่งความผิดร้ายแรงในคดีอาญา ทว่า กลับได้รับการตอบกลับจากผู้บริหารระดับสูงในลอนดอนว่า “คุณเป็นใครถึงกล้ามาบอกเราว่าเราต้องไม่ทำธุรกิจกับอิหร่าน” ท่าทีเช่นนี้ถือเป็นการสบประมาทกฎระเบียบการธนาคารของสหรัฐฯ อย่างร้ายแรง
สแตนชาร์ตนับเป็นธนาคารอังกฤษแห่งที่ 3 ที่ถูกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ดำเนินการตรวจสอบในช่วงฤดูร้อนปีนี้ รายแรก คือ บาร์เคลย์ส ที่ได้ตกลงจ่ายค่ายอมความ 453 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้คุมกฎสหรัฐฯ และอังกฤษจากกรณีการปั่นดอกเบี้ยไลบอร์เมื่อเดือนมิถุนายน จากนั้นในเดือนถัดมา คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาอเมริกันออกรายงานวิจารณ์เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ กรณีมีพฤติกรรมการฟอกเงิน
สำหรับในคราวล่าสุดนี้ หน่วยงานผู้คุมกฎของมลรัฐนิวยอร์ก นำโดยอัยการ เบนจามิน ลอว์สกี้ สั่งให้สแตนชาร์ตชี้แจงเหตุผลที่แบงก์ไม่ควรถูกยึดใบอนุญาต รวมทั้งแต่งตั้งที่ปรึกษาภายนอกเพื่อตรวจสอบธุรกรรมของแบงก์ ในวันที่ 15 เดือนนี้
“การดำเนินการของสแตนชาร์ตเข้าข่ายแบงก์ทุจริต” ดีเอฟเอสระบุ นอกจากนี้ยังบอกด้วยมีหลักฐานว่า แบงก์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังอาจทำธุรกรรมผิดกฎหมายกับลิเบีย พม่า และซูดาน ขณะที่ประเทศเหล่านี้ถูกสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน
ลอว์สกี้เผยว่า สแตนชาร์ตโยกย้ายเงินผ่านสาขานิวยอร์กในนามลูกค้าอิหร่าน ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางและแบงก์ต่างๆ ของทางการเตหะราน
ประเด็นที่เป็นปัญหา คือ การทำธุรกรรมแบบ “ยูเทิร์น” ที่มีการเคลื่อนย้ายเงินให้ลูกค้าอิหร่านผ่านแบงก์หลายแห่งในอังกฤษและตะวันออกกลาง และได้รับการสะสางผ่านสาขาในนิวยอร์กของสแตนชาร์ต โดยที่สำนักงานของสแตนชาร์ตในลอนดอน ได้กลบเกลื่อนหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่ามีแบงก์อิหร่านเกี่ยวข้องด้วย
ผู้คุมกฎยังพบว่าบริษัทที่ปรึกษาภายนอกคือ ดีลอยต์ ได้ช่วยปกปิดให้สแตนชาร์ต ด้วยการส่งรายงานให้ผู้คุมกฎโดยจงใจละเว้นข้อมูลสำคัญบางส่วนเกี่ยวกับธุรกรรมที่ไม่เหมาะสมของอิหร่านตามที่สแตนชาร์ตร้องขอ
ดีลอยต์นั้นได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินการตรวจสอบ หลังจากสแตนชาร์ตได้รับคำสั่งจากผู้คุมกฎของนิวยอร์กและรัฐบาลกลางในปี 2004 ให้แก้ไขข้อผิดพลาดในเรื่องการต่อต้านการฟอกเงิน
ทว่า ดีลอยต์ออกคำแถลงในวันจันทร์ (6) ยืนยันว่า บริษัททำหน้าที่ของที่ปรึกษาอิสระอย่างเหมาะสม ข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงไม่มีมูลแต่อย่างใด
ด้าน สแตนชาร์ต ก็ออกคำแถลงว่า ไม่เชื่อว่าคำสั่งของดีเอฟเอสสะท้อนข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์และถูกต้อง และเสริมว่าข้อมูลการวิเคราะห์ที่ส่งให้หน่วยงานของอเมริกาบ่งแสดงให้เห็นว่า ทางธนาคารปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหรัฐฯ สแตนชาร์ตยังระบุมูลค่าธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบว่ามีไม่ถึง 14 ล้านดอลลาร์
สแตนชาร์ตสำทับว่า ได้แจ้งต่อหน่วยงานของสหรัฐฯ ในปี 2010 ว่าธนาคารเริ่มต้นตรวจสอบภายในโดยสมัครใจ และผลที่ออกมาไม่ได้บ่งชี้ว่ามีการจ่ายเงินในนามของบุคคลหรือองค์กรใดที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ก่อการร้ายในขณะนั้น รวมทั้งสแตนชาร์ตยังยุติการทำธุรกิจใหม่ๆ กับลูกค้าอิหร่านมากว่า 5 ปีแล้ว
“ธนาคารยังคงหารือเรื่องนี้กับผู้คุมกฎ และเราต้องการต่อสู้กับข้อกล่าวหาของดีเอฟเอส”
อนึ่ง นอกจากดีเอฟเอสแล้ว ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังร่วมกับสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ในนิวยอร์ก ตรวจสอบกิจกรรมของสแตนชาร์ตที่เข้าข่ายละเมิดกฎหมายการลงโทษคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ข่าวการขู่ถอนใบอนุญาตฉุดราคาหุ้นของสแตนชาร์ตร่วงลงเกือบ 15% ในการซื้อขายที่ตลาดฮ่องกงวันอังคาร และหล่นวูบร่วม 24% ในระหว่างการซื้อขายช่วงเช้าวันเดียวกันที่ตลาดลอนดอน