เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - หมู่เกาะฟอล์คแลนด์เตรียมจัดการลงประชามติในปี ค.ศ. 2013 เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของตน โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลอาร์เจนตินา ถึงความต้องการของชาวหมู่เกาะที่ “ไม่ปรารถนา” จะอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลบูเอโนสไอเรส
การประกาศเตรียมจัดการลงประชามติดังกล่าวของชาวหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการครบรอบ 30 ปีการสิ้นสุดการบุกเข้ายึดครองหมู่เกาะแห่งนี้โดยกองทัพอาร์เจนตินานาน 74 วัน เมื่อ 14 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1982 ขณะที่ นางกริสตินา เฟร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีหญิงของอาร์เจนตินาอาจนำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลท้องถิ่นของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ต่างกล่าวหาอาร์เจนตินาว่าพยายามปิดล้อมทางเศรษฐกิจต่อหมู่เกาะเนื้อที่ 12,173 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ ด้วยการสั่งห้ามเรือสินค้าที่ติดธงของสหราชอาณาจักรแล่นผ่านน่านน้ำโดยรอบ และยังฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัทน้ำมันของเมืองผู้ดีอย่างน้อย 5 แห่ง ที่ทำการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันแถบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ขณะที่ทางการอาร์เจนตินายืนกรานว่าตนมีสิทธิ์กระทำการดังกล่าวได้เพราะหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ ซึ่งมีชื่อในภาษาสเปนว่า “อิสลาส มัลบีนัส” นั้น เป็นดินแดนภายใต้อธิปไตยของตน
รายงานข่าวระบุว่า การลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์นี้จะมีขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดยจะมีผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเดินทางเข้าไปตรวจสอบและรับรองผลอย่างเป็นทางการ ส่วนวันที่จะมีการลงประชามติและคำถามสำหรับการลงประชามตินั้น คาดว่าจะมีการประกาศภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ด้าน นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนแห่งอังกฤษ ยืนยันว่ารัฐบาลของเขาจะเคารพในผลการลงประชามติของชาวหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ พร้อมยืนยันชาวฟอล์กแลนด์มีสิทธิ์ที่จะกำหนดอนาคตของหมู่เกาะแห่งนี้อย่างชอบธรรม ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ว่าชาวหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ส่วนใหญ่ต้องการดำรงสถานะเป็นดินแดนปกครองตนเองที่ยังอยู่ภายใต้สหราชอาณาจักรต่อไป และไม่ต้องการรวมเป็นส่วนหนึ่งกับอาร์เจนตินา
ทั้งนี้ สงครามฟอล์กแลนด์ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนปี ค.ศ. 1982 หลังจากอาร์เจนตินาส่งกองทัพเข้ายึดครองหมู่เกาะแห่งนี้ รวมถึงเกาะเซาท์จอร์เจียที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งอยู่ใต้การดูแลของอังกฤษ เป็นเหตุให้รัฐบาลเมืองผู้ดีต้องเปิดโจมตีตอบโต้ทั้งทางเรือและทางอากาศนาน 74 วันเพื่อยึดดินแดนคืนกลับมา เป็นเหตุให้ทหารอาร์เจนตินาเสียชีวิตอย่างน้อย 649 นาย และทหารอังกฤษราว 255 นายเสียชีวิต ขณะที่อาร์เจนตินาประกาศยอมจำนนในวันที่ 14 มิถุนายน ปีเดียวกัน
