(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Confessions of a former police chief
By Francesco Sisci
18/04/2012
ในเรื่องราวที่ผู้เขียนตั้งใจเขียนขึ้นให้ดูเหมือนกับแต่งเป็นนิยายเรื่องนี้ หวัง ลี่จิว์น อดีตผู้บัญชาการตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์แห่งมหานครฉงชิ่ง จะบอกเล่าให้เราฟังถึงการก้าวผงาดขึ้นมาและการตกต่ำสูญเสียอำนาจของ ป๋อ ซีไหล ผู้เป็นเจ้านายของเขา พร้อมๆ กับความเป็นมาของการสืบสวนคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งซึ่งช่างเต็มไปด้วยการบิดผันและการหักมุม จนในที่สุดแล้วก็ทำให้ตัวหวัง ลี่จิว์น เองต้องตัดสินใจก้าวข้ามธรณีประตูของสถานกงสุลสหรัฐฯ และกระทำพฤติการณ์แห่งการเป็นผู้ทรยศกบฏชาติ ณ จังหวะเวลาที่อันตรายเหลือเกินสำหรับประเทศจีน
ปักกิ่ง – ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย
ผมทราบดีว่าท่านจะไม่เชื่อเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี้หรอก และท่านมีอคติที่ต่อต้านไม่ยอมรับผมอยู่ในใจกันอยู่แล้ว สำหรับพวกท่าน ผมเป็นเพียงไอ้คนคดสารเลวคนหนึ่ง ผู้ซึ่งในตอนแรกนำเอาหลักการแห่งอำนาจบาตรใหญ่มาบังคับใช้ ด้วยการจับกุมคุมขังและเข่นฆ่าผู้คนที่เจ้านายของผมและตัวผมเองตัดสินพิพากษาเอาเองตามอำเภอใจว่าเป็นพวกมาเฟียอันธพาล --แล้วในตอนหลังก็กลายเป็นคนทรยศแปรพักตร์ซึ่งพยายามหาหนทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ
พวกท่านมีความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะภาพที่เกิดขึ้นมานี้ ไม่ว่าท่านจะมองกันในแง่มุมในมิติไหนก็ตามที มันก็ล้วนแต่ดูแปลกดูประหลาดทั้งสิ้น
มันเป็นเรื่องราวของขุนนางบ้าดีเดือดที่ช่างปลุกระดมคนหนึ่ง ซึ่งตามืดบอดเพราะความทะเยอทะยานและความอหังการ ผู้ท้าทายระบบระเบียบเดิมที่จัดวางเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาเอง หรือว่ามันเป็นเรื่องราวของการวางแผนสมคบคิดกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งนัก เพื่อโค่นล้มเจ้าชายผู้สัตย์ซื่อแต่มักก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ซึ่งตั้งอกตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ และนำประชาชนย้อนกลับไปสู่ยุคทองในอดีต
นี่แหละคือปัญหาอันยุ่งเหยิงวุ่นวายของเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ และก็เป็นสาระสำคัญของปัญหาอันยุ่งเหยิงวุ่นวายทั้งหลายแหล่ของผมเองในอดีตด้วย ท้องเรื่องของเรื่องราวนี้ช่างสลับซับซ้อนและรายละเอียดก็มากมายและสับสนเหลือเกิน จนกระทั่งน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะคิดย้อนทบทวนเขียนออกมา โดยถือว่ามันเป็นนวนิยายรหัสคดี หรือบทละครโศกนาฏกรรม ผมต้องขอยืนยันอีกครั้งว่าในเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ผมแค่รับบทเป็นตัวรองเท่านั้น และผมก็ได้กระทำสิ่งที่ผมกระทำลงไป นั่นคือพยายามที่จะวิ่งโร่เข้าไปในสถานกงสุลสหรัฐฯ ก็เพียงเพราะมันเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะเปิดโปงเรื่องราวเหล่านี้ได้ เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่ทำจะให้สิ่งที่ผมต้องการเล่าเป็นที่รับฟังและได้รับความเชื่อถือ และก็เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้ยุติความสกปรกโสโครกทั้งหลายซึ่งกำลังกัดกร่อนทำให้ประเทศชาติของเราต้องเน่าเปื่อยผุพัง
พวกท่านอาจจะบอกว่า เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้แล้วนี่นา ไม่ใช่แค่การไปยังสถานกงสุลสหรัฐฯของผม แน่นอนครับ มันเป็นอย่างที่พวกท่านว่ามานั่นแหละ มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การผงาดอย่างโดดเด่นยิ่งกว่าดาวตกของเจ้านายของผม ป๋อ ซีไหล จากตำแหน่งนายกเทศมนตรีแห่งนครต้าเหลียน ก้ได้ก้าวขึ้นไปเป็นเลขาธิการพรรคประจำนครแห่งนั้น จากนั้นได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง และสู่การเป็นเลขาธิการพรรคสาขาเหลียวหนิง แล้วเขาก็ถูกโยกย้ายจากมณฑลแห่งนั้น เข้าไปยังส่วนกลางในตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ ครั้นแล้วเขาก็ได้รับการโปรโมตให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามหานครฉงชิ่ง
จากที่นั่นเอง เขาวางแผนการเพื่อให้ได้ตำแหน่งอันมีประโยชน์มากมายเหลือหลาย อันได้แก่ตำแหน่งผู้รับผิดชอบดูแลควบคุมกิจการด้านความมั่นคงทั้งหมด นี่เป็นตำแหน่งซึ่งจะทำให้เขาสามารถล็อกตัวเองอย่างแนบแน่นกับอำนาจอันสูงสุดในทั่วทั้งแผ่นดินจีนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ในแต่ขั้นแต่ละตอนที่เขาก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ นั้น เขาก็ได้ก่อให้เกิดปัญหาและแรงเสียดทานขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันอย่างดุเดือดยิ่งด้วย จนกระทั่งดูเหมือนกับว่าการงานอาชีพของเขาจะถึงทางตันและต้องหยุดยั้งลงเสียที ไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกแล้ว
แต่แล้ว ในแต่ละขั้นแต่ละตอน เขาก็ยังสามารถเดินหน้าเลื่อนสูงขึ้นไปได้อีก โดยได้รับการปกปักรักษาจากดวงดาวแห่งโชค และได้รับความสนับสนุนจากผู้คนกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นสาวกผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี เหมือนอย่างเช่น ภรรยาของเขา กู่ ไคไหล, ตัวผมเอง หวัง ลี่จิว์น, และใช่ครับ ยังมีชาวต่างประเทศอีกคนหนึ่ง นีล เฮย์วูด (Neil Heywood) ผู้ซึ่งการตายของเขาได้ทำให้บ้านกระดาษที่พวกเรากำลังพยายามสร้างกันขึ้นมาหลังนี้ ต้องมีอันพังทลายลงไปทั้งหลัง
พวกท่านอาจจะบอกว่า มันพังทลายลงไปจนหมดสิ้นเมื่อตอนที่หัวใจของเฮย์วูดหยุดเต้นในนครฉงชิ่ง แต่ผมเองเชื่อว่ามันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเสียอีก ก่อนหน้านั้นร่วมๆ 1 ปีทีเดียว มันเป็นช่วงเวลาที่ความทะเยอทะยานของ ป๋อ ดูเหมือนจะเข้ารูปเข้ารอย และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทุกทีว่ามันอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ที่เขาจะก้าวต่อไปอีก จากการเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรค หรือก็คือเป็นกรมการเมืองธรรมดา ไปเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองอันทรงอำนาจแทบจะถึงที่สุด รวมทั้งได้รับการจัดสรรแบ่งงานให้เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมงานด้านความมั่นคง เมื่อเขาได้ขึ้นไปนั่งอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ได้สำเร็จ ด้วยอิทธิพลบารมี ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และด้วยแรงขับดันของเขา ป๋อ ย่อมสามารถกลายเป็นหมายเลขหนึ่งที่แท้จริงในแผ่นดินจีน
เขาควรที่จะสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยการผลักดันวิ่งเต้นผ่านไปตามข่ายใยแห่งสายสัมพันธ์และการเล่นพรรคเล่นพวกอันสลับซับซ้อนของกลไกรัฐ หากแต่ด้วยการรณรงค์ป่าวร้องเพื่อตัวเขาเอง ด้วยการวางแผนอุบายในสื่อมวลชนทั้งต่างประเทศและในประเทศ และด้วยการเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวตลอดจนการติดสินบนพวกปัญญาชน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ป๋อ ควรที่จะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จด้วยการเล่นไปตามกฎกติกาทางการเมืองแบบโลกตะวันตกภายใต้สภาพแวดล้อมแบบจีน นี่จะเท่ากับเป็นการก่อตั้งพรรคการเมืองซ้อนอยู่ภายในพรรคการเมือง และดังนั้นจึงกำลังก่อให้เกิดระบบพรรคการเมืองหลายพรรคโดยพฤตินัยขึ้นในแผ่นดินจีน
พรรคคอมมิวนิสต์พรักพร้อมต่อสิ่งนี้หรือไม่ และมีความปรารถนาที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้หรือเปล่า? ในทางทฤษฎีแล้ว ป๋อ อาจจะใช้กลอุบายเพื่อก้าวผ่านพรรคไป ด้วยวิธีการท้าทายความสามัคคีเป็นเอกภาพของพรรค และนำเอาวิธีการใหม่ๆ เข้ามาใช้ ในขณะที่ทำให้ตัวเองมีสภาพเสมือนกับเป็นฝ่ายซ้าย มันก็เป็นกลอุบายเก่าของ เติ้ง เสี่ยวผิง นั่นแหละ ก้าวเดินไปทางขวาแต่บอกว่ามันคือทางซ้าย
ป๋อ ช่างเข้าอกเข้าใจจีนอย่างกระจ่างแจ้งจริงๆ แต่ขณะที่เขากำลังแสดงและกำลังไปได้ดีกับการแสดงอยู่นั้นเอง เขากลับหลงลืมรอยเท้าของตัวเขาเอง พวกเพื่อนสมาชิกในคณะกรรมการกรมการเมืองของเขา ยินยอมหรือที่จะปล่อยให้เขาได้ขยับเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เนื่องจากความสามารถในทางการเมืองของเขาเอง และโดยที่ไม่ต้องติดหนี้ค้างน้ำใจใครทั้งนั้นไม่ว่าซ้ายหรือขวา ตลอดจนไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินทางการเมืองอันหนักอึ้งเหมือนอย่างธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา?
ยิ่งกว่านั้น เขาทำสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้ได้รับตำแหน่งสูงสุด อย่างเช่นเก้าอี้ประธานาธิบดีแห่งรัฐ และเลขาธิการใหญ่ของพรรค หากแต่เป็นเก้าอี้ผู้รับผิดชอบคุมงานความมั่นคง อันเป็นเก้าอี้ตัวที่สามารถชี้เป็นชี้ตายได้มากที่สุดในจังหวะเวลาที่พวกที่อยู่ในแวดวงอำนาจระดับสูงสุดเกิดมีความแตกแยกกัน และอยู่ในสภาพคานอำนาจกันกินกันไม่ลง จากเก้าอี้ตัวนี้ เขาย่อมสามารถข่มขู่คุกคามและแบล็กเมล์ใครๆ หน้าไหนก็ได้ และด้วยเหตุนี้จึงอยู่ในฐานะยอดเยี่ยมที่สุดที่จะผลักดันระเบียบวาระของตัวเขาเอง และดังนั้นเขาก็สามารถที่จะกลายเป็นก้อนหินหลักปักแน่นแห่งอำนาจ ในท่ามกลางโครงสร้างทางการเมืองที่แตกออกเป็นฝักเป็นฝ่ายของจีน
ฟรานเชสโก ซิสซี เป็นคอลัมนิสต์ให้กับ อิล โซเล 24 โอเร (Il Sole 24 Ore) หนังสือพิมพ์รายวันในอิตาลี สามารถที่จะติดต่อเขาทางอีเมล์ได้ที่ fsisci@gmail
Confessions of a former police chief
By Francesco Sisci
18/04/2012
ในเรื่องราวที่ผู้เขียนตั้งใจเขียนขึ้นให้ดูเหมือนกับแต่งเป็นนิยายเรื่องนี้ หวัง ลี่จิว์น อดีตผู้บัญชาการตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์แห่งมหานครฉงชิ่ง จะบอกเล่าให้เราฟังถึงการก้าวผงาดขึ้นมาและการตกต่ำสูญเสียอำนาจของ ป๋อ ซีไหล ผู้เป็นเจ้านายของเขา พร้อมๆ กับความเป็นมาของการสืบสวนคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งซึ่งช่างเต็มไปด้วยการบิดผันและการหักมุม จนในที่สุดแล้วก็ทำให้ตัวหวัง ลี่จิว์น เองต้องตัดสินใจก้าวข้ามธรณีประตูของสถานกงสุลสหรัฐฯ และกระทำพฤติการณ์แห่งการเป็นผู้ทรยศกบฏชาติ ณ จังหวะเวลาที่อันตรายเหลือเกินสำหรับประเทศจีน
ปักกิ่ง – ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย
ผมทราบดีว่าท่านจะไม่เชื่อเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี้หรอก และท่านมีอคติที่ต่อต้านไม่ยอมรับผมอยู่ในใจกันอยู่แล้ว สำหรับพวกท่าน ผมเป็นเพียงไอ้คนคดสารเลวคนหนึ่ง ผู้ซึ่งในตอนแรกนำเอาหลักการแห่งอำนาจบาตรใหญ่มาบังคับใช้ ด้วยการจับกุมคุมขังและเข่นฆ่าผู้คนที่เจ้านายของผมและตัวผมเองตัดสินพิพากษาเอาเองตามอำเภอใจว่าเป็นพวกมาเฟียอันธพาล --แล้วในตอนหลังก็กลายเป็นคนทรยศแปรพักตร์ซึ่งพยายามหาหนทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ
พวกท่านมีความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะภาพที่เกิดขึ้นมานี้ ไม่ว่าท่านจะมองกันในแง่มุมในมิติไหนก็ตามที มันก็ล้วนแต่ดูแปลกดูประหลาดทั้งสิ้น
มันเป็นเรื่องราวของขุนนางบ้าดีเดือดที่ช่างปลุกระดมคนหนึ่ง ซึ่งตามืดบอดเพราะความทะเยอทะยานและความอหังการ ผู้ท้าทายระบบระเบียบเดิมที่จัดวางเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาเอง หรือว่ามันเป็นเรื่องราวของการวางแผนสมคบคิดกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งนัก เพื่อโค่นล้มเจ้าชายผู้สัตย์ซื่อแต่มักก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ซึ่งตั้งอกตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ และนำประชาชนย้อนกลับไปสู่ยุคทองในอดีต
นี่แหละคือปัญหาอันยุ่งเหยิงวุ่นวายของเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ และก็เป็นสาระสำคัญของปัญหาอันยุ่งเหยิงวุ่นวายทั้งหลายแหล่ของผมเองในอดีตด้วย ท้องเรื่องของเรื่องราวนี้ช่างสลับซับซ้อนและรายละเอียดก็มากมายและสับสนเหลือเกิน จนกระทั่งน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะคิดย้อนทบทวนเขียนออกมา โดยถือว่ามันเป็นนวนิยายรหัสคดี หรือบทละครโศกนาฏกรรม ผมต้องขอยืนยันอีกครั้งว่าในเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ผมแค่รับบทเป็นตัวรองเท่านั้น และผมก็ได้กระทำสิ่งที่ผมกระทำลงไป นั่นคือพยายามที่จะวิ่งโร่เข้าไปในสถานกงสุลสหรัฐฯ ก็เพียงเพราะมันเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะเปิดโปงเรื่องราวเหล่านี้ได้ เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่ทำจะให้สิ่งที่ผมต้องการเล่าเป็นที่รับฟังและได้รับความเชื่อถือ และก็เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้ยุติความสกปรกโสโครกทั้งหลายซึ่งกำลังกัดกร่อนทำให้ประเทศชาติของเราต้องเน่าเปื่อยผุพัง
พวกท่านอาจจะบอกว่า เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้แล้วนี่นา ไม่ใช่แค่การไปยังสถานกงสุลสหรัฐฯของผม แน่นอนครับ มันเป็นอย่างที่พวกท่านว่ามานั่นแหละ มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การผงาดอย่างโดดเด่นยิ่งกว่าดาวตกของเจ้านายของผม ป๋อ ซีไหล จากตำแหน่งนายกเทศมนตรีแห่งนครต้าเหลียน ก้ได้ก้าวขึ้นไปเป็นเลขาธิการพรรคประจำนครแห่งนั้น จากนั้นได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง และสู่การเป็นเลขาธิการพรรคสาขาเหลียวหนิง แล้วเขาก็ถูกโยกย้ายจากมณฑลแห่งนั้น เข้าไปยังส่วนกลางในตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ ครั้นแล้วเขาก็ได้รับการโปรโมตให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามหานครฉงชิ่ง
จากที่นั่นเอง เขาวางแผนการเพื่อให้ได้ตำแหน่งอันมีประโยชน์มากมายเหลือหลาย อันได้แก่ตำแหน่งผู้รับผิดชอบดูแลควบคุมกิจการด้านความมั่นคงทั้งหมด นี่เป็นตำแหน่งซึ่งจะทำให้เขาสามารถล็อกตัวเองอย่างแนบแน่นกับอำนาจอันสูงสุดในทั่วทั้งแผ่นดินจีนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ในแต่ขั้นแต่ละตอนที่เขาก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ นั้น เขาก็ได้ก่อให้เกิดปัญหาและแรงเสียดทานขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันอย่างดุเดือดยิ่งด้วย จนกระทั่งดูเหมือนกับว่าการงานอาชีพของเขาจะถึงทางตันและต้องหยุดยั้งลงเสียที ไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกแล้ว
แต่แล้ว ในแต่ละขั้นแต่ละตอน เขาก็ยังสามารถเดินหน้าเลื่อนสูงขึ้นไปได้อีก โดยได้รับการปกปักรักษาจากดวงดาวแห่งโชค และได้รับความสนับสนุนจากผู้คนกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นสาวกผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดี เหมือนอย่างเช่น ภรรยาของเขา กู่ ไคไหล, ตัวผมเอง หวัง ลี่จิว์น, และใช่ครับ ยังมีชาวต่างประเทศอีกคนหนึ่ง นีล เฮย์วูด (Neil Heywood) ผู้ซึ่งการตายของเขาได้ทำให้บ้านกระดาษที่พวกเรากำลังพยายามสร้างกันขึ้นมาหลังนี้ ต้องมีอันพังทลายลงไปทั้งหลัง
พวกท่านอาจจะบอกว่า มันพังทลายลงไปจนหมดสิ้นเมื่อตอนที่หัวใจของเฮย์วูดหยุดเต้นในนครฉงชิ่ง แต่ผมเองเชื่อว่ามันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเสียอีก ก่อนหน้านั้นร่วมๆ 1 ปีทีเดียว มันเป็นช่วงเวลาที่ความทะเยอทะยานของ ป๋อ ดูเหมือนจะเข้ารูปเข้ารอย และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทุกทีว่ามันอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ที่เขาจะก้าวต่อไปอีก จากการเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรค หรือก็คือเป็นกรมการเมืองธรรมดา ไปเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองอันทรงอำนาจแทบจะถึงที่สุด รวมทั้งได้รับการจัดสรรแบ่งงานให้เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมงานด้านความมั่นคง เมื่อเขาได้ขึ้นไปนั่งอยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ได้สำเร็จ ด้วยอิทธิพลบารมี ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และด้วยแรงขับดันของเขา ป๋อ ย่อมสามารถกลายเป็นหมายเลขหนึ่งที่แท้จริงในแผ่นดินจีน
เขาควรที่จะสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยการผลักดันวิ่งเต้นผ่านไปตามข่ายใยแห่งสายสัมพันธ์และการเล่นพรรคเล่นพวกอันสลับซับซ้อนของกลไกรัฐ หากแต่ด้วยการรณรงค์ป่าวร้องเพื่อตัวเขาเอง ด้วยการวางแผนอุบายในสื่อมวลชนทั้งต่างประเทศและในประเทศ และด้วยการเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวตลอดจนการติดสินบนพวกปัญญาชน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ป๋อ ควรที่จะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จด้วยการเล่นไปตามกฎกติกาทางการเมืองแบบโลกตะวันตกภายใต้สภาพแวดล้อมแบบจีน นี่จะเท่ากับเป็นการก่อตั้งพรรคการเมืองซ้อนอยู่ภายในพรรคการเมือง และดังนั้นจึงกำลังก่อให้เกิดระบบพรรคการเมืองหลายพรรคโดยพฤตินัยขึ้นในแผ่นดินจีน
พรรคคอมมิวนิสต์พรักพร้อมต่อสิ่งนี้หรือไม่ และมีความปรารถนาที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้หรือเปล่า? ในทางทฤษฎีแล้ว ป๋อ อาจจะใช้กลอุบายเพื่อก้าวผ่านพรรคไป ด้วยวิธีการท้าทายความสามัคคีเป็นเอกภาพของพรรค และนำเอาวิธีการใหม่ๆ เข้ามาใช้ ในขณะที่ทำให้ตัวเองมีสภาพเสมือนกับเป็นฝ่ายซ้าย มันก็เป็นกลอุบายเก่าของ เติ้ง เสี่ยวผิง นั่นแหละ ก้าวเดินไปทางขวาแต่บอกว่ามันคือทางซ้าย
ป๋อ ช่างเข้าอกเข้าใจจีนอย่างกระจ่างแจ้งจริงๆ แต่ขณะที่เขากำลังแสดงและกำลังไปได้ดีกับการแสดงอยู่นั้นเอง เขากลับหลงลืมรอยเท้าของตัวเขาเอง พวกเพื่อนสมาชิกในคณะกรรมการกรมการเมืองของเขา ยินยอมหรือที่จะปล่อยให้เขาได้ขยับเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เนื่องจากความสามารถในทางการเมืองของเขาเอง และโดยที่ไม่ต้องติดหนี้ค้างน้ำใจใครทั้งนั้นไม่ว่าซ้ายหรือขวา ตลอดจนไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินทางการเมืองอันหนักอึ้งเหมือนอย่างธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา?
ยิ่งกว่านั้น เขาทำสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้ได้รับตำแหน่งสูงสุด อย่างเช่นเก้าอี้ประธานาธิบดีแห่งรัฐ และเลขาธิการใหญ่ของพรรค หากแต่เป็นเก้าอี้ผู้รับผิดชอบคุมงานความมั่นคง อันเป็นเก้าอี้ตัวที่สามารถชี้เป็นชี้ตายได้มากที่สุดในจังหวะเวลาที่พวกที่อยู่ในแวดวงอำนาจระดับสูงสุดเกิดมีความแตกแยกกัน และอยู่ในสภาพคานอำนาจกันกินกันไม่ลง จากเก้าอี้ตัวนี้ เขาย่อมสามารถข่มขู่คุกคามและแบล็กเมล์ใครๆ หน้าไหนก็ได้ และด้วยเหตุนี้จึงอยู่ในฐานะยอดเยี่ยมที่สุดที่จะผลักดันระเบียบวาระของตัวเขาเอง และดังนั้นเขาก็สามารถที่จะกลายเป็นก้อนหินหลักปักแน่นแห่งอำนาจ ในท่ามกลางโครงสร้างทางการเมืองที่แตกออกเป็นฝักเป็นฝ่ายของจีน
ฟรานเชสโก ซิสซี เป็นคอลัมนิสต์ให้กับ อิล โซเล 24 โอเร (Il Sole 24 Ore) หนังสือพิมพ์รายวันในอิตาลี สามารถที่จะติดต่อเขาทางอีเมล์ได้ที่ fsisci@gmail