xs
xsm
sm
md
lg

นาวิกฯมะกันสั่งฆ่าชาวอิรัก 24 ศพ “รอดคุก” แค่ปลดเป็นพลทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลทหารสหรัฐฯพิพากษาให้จ่าสิบตรี แฟรงก์ วูเตริช ซึ่งออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาโจมตีบ้านพลเรือนอิรักจนมีผู้เสียชีวิตไป 24 ศพ เมื่อปี 2005 ได้รับโทษเพียงปลดเป็นพลทหาร โดยไม่ต้องถูกจำคุกแต่อย่างใด วานนี้(24)
เอเจนซี - ศาลทหารสหรัฐฯเว้นโทษจำคุกนาวิกโยธินซึ่งนำทีมสังหารพลเรือนอิรัก 24 รายในเมืองฮาดิธา เมื่อปี 2005 โดยให้ปลดเป็นแค่พลทหาร วานนี้(24)

โทษสูงสุดที่จ่าสิบตรี แฟรงก์ วูเตริช วัย 31 ปี จะได้รับคือลดตำแหน่งลงเป็นพลทหาร หลังจากที่เขายอมรับเงื่อนไขสารภาพผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันจันทร์(23)ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนาและทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ถูกยกเลิกไป

คำพิพากษาที่ออกมาในรูปนี้อาจนำมาซึ่งปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรงจากชาวอิรัก ซึ่งยังเจ็บแค้นกับพฤติกรรมล่วงละเมิดของทหารอเมริกันครั้งที่ผ่านๆมา ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่สหรัฐฯส่งทหารเข้าไปประจำการที่นั่น

ก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินอย่างเป็นทางการให้ วูเตริช พ้นคุก ซาลีม อัล-จูบูรี ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งรัฐสภาอิรัก ก็ออกมาประณามเงื่อนไขรับสารภาพว่าเป็นการ “หมิ่นศักดิ์ศรีชาวอิรัก” และจะเรียกประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวในวันนี้(25)

วูเตริช ซึ่งอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 3 เดือนเมื่อรับสารภาพ คงมีสีหน้าเรียบเฉย หลังจากที่ศาลประกาศเว้นโทษจำคุกให้

อย่างไรก็ตาม เขาได้อ่านถ้อยแถลงก่อนหน้านั้นว่า รู้สึกสำนึกผิด และทราบดีว่าชื่อของเขาจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับ “ฆาตกรเลือดเย็นที่ฆ่าได้แม้กระทั่งทารก และเดรัจฉานบ้าคลั่ง” อย่างแน่นอน

วูเตริช ถูกตั้งข้อหาออกคำสั่งสังหารเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี 2005 จนมีพลเรือนอิรักทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตไป 24 รายในเมืองฮาดิธา ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มก่อความไม่สงบทางตะวันตกของกรุงแบกแดด
ภาพเหตุการณ์ขณะนาวิกโยธินสหรัฐฯสั่งให้ชายชาวอิรัก 5 คนลงจากรถ ก่อนจะลั่นไกสังหาร เมื่อปี 2005
เหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มจากมีคนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณถนนในเมืองฮาดิธา ทำให้ทหารสหรัฐฯเสียชีวิต 1 นาย ต่อมา วูเตริช นำกำลังเข้าตามล่ากลุ่มหัวรุนแรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทั่งได้สังหารพลเรือนทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายภายในหมู่บ้านรวม 19 ราย ส่วนอีก 5 ศพ เป็นชายชาวอิรักที่ถูกสั่งให้ลงจากรถยนต์ และถูกยิงเสียชีวิตกลางถนน

ในจำนวนเหยื่อทั้งหมด ยังรวมถึงผู้หญิงและเด็ก 10 ชีวิต ซึ่งถูกยิงในระยะเผาขน โดยมี 6 ศพ ถูกสังหารในห้องนอน และเหยื่อส่วนใหญ่ถูกยิงที่ศีรษะ

วูเตริช ยอมรับว่า ได้ออกคำสั่งพล่อยๆให้นาวิกโยธินใต้บังคับบัญชา “ยิงก่อน ค่อยถามทีหลัง” จนมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตไปนับสิบศพ แต่ยังยืนยันว่า ไม่มีเจตนาสั่งให้ลูกน้องสังหารพลเรือน เพียงต้องการสื่อให้พวกเขาสังหารศัตรูโดยไม่ต้องลังเลเท่านั้น

เงื่อนไขการรับสารภาพซึ่งจะช่วยนาวิกโยธินรายนี้มีโทษสูงสุดเพียงจำคุก 3 เดือน ทำให้ชาวอิรักจำนวนมากไม่พอใจ โดย อาลี บัดร์ ญาติของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งบอกว่า “นี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าชาวอเมริกันไม่เคารพสิทธิมนุษยชน”

ด้าน คอลิด ซัลมาน ทนายฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตในเมืองฮาดิธา และเป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้ตายคนหนึ่งด้วย แสดงอาการตกตะลึงเมื่อทราบว่าศาลสหรัฐฯมีข้อตกลงเช่นนี้กับจำเลย พร้อมประท้วงว่า “นี่ไม่ใช่คดีจราจร”

ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาศาลทหารได้ยกฟ้องนาวิกโยธิน 6 นายที่มีความผิดในคดีเดียวกัน ส่วนทหารอีกนายหนึ่งก็พ้นข้อหาอาชญากรรมด้วย

เจฟฟรีย์ ดินสมอร์ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองในกองพันเดียวกับ วูเตริช ในช่วงที่เกิดเหตุสังหาร ให้การต่อศาลวานนี้(24)ว่า “กลุ่มก่อความไม่สงบ... สามารถควบคุมเมือง(ฮาดิธา)ไว้ได้ทั้งเมือง” และหน่วยของเขาก็ได้รับคำเตือนว่าจะมีการโจมตีเกิดขึ้น

เป็นที่รู้กันว่า กลุ่มก่อการร้ายมักใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ และใช้บ้านเรือนของพวกเขาเป็นจุดซุ่มโจมตีทหาร ดินสมอร์ กล่าวเสริม

วูเตริช เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯหลังจากจบไฮสกูลในปี 1998 และเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในอิรักรอบที่ 2 ขณะที่เกิดเหตุสังหารในเมืองฮาดิธา
กำลังโหลดความคิดเห็น