เอเอฟพี - เกิดเหตุเรือท่องเที่ยวสมัยโซเวียตอับปางเนื่องจากพายุลมแรง ในแม่น้ำวอลกา ซึ่งเป็นแม่น้ำยาวที่สุดในยุโรป ขณะที่นักประดาน้ำรัสเซียยังคงงมหาผู้สูญหายอีกกว่า 100 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ด้วยความหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิตที่ริบหรี่ลง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย หลังจากช่วยเหลือผู้โดยสารราว 80 คนขึ้นจากเรือบัลแกเรีย ซึ่งเก่าแก่ถึง 56 ปี ที่กำลังพานักท่องเที่ยวร่วม 150 คน และลูกเรืออีกกว่า 30 ราย ล่องตามแม่น้ำวอลกาตามปกติ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า นักประดาน้ำ 47 คนดำลงไปถึงเรือที่อัปปางในช่วงค่ำโดยพบสัญญาณผู้รอดชีวิตน้อยมาก
ผู้รอดชีวิต และผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆ เล่าว่า เกิดพายุอย่างกะทันหันในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (10) ที่ผ่านมาทำให้เรือ 2 ชั้นลำนี้เอียงไปทางขวาจนกระทั่งล่ม และจมภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หวังไว้ว่า เกาะแก่ง 13 แห่งในบริเวณใกล้เคียงอาจเป็นที่ยึดเหนี่ยวสำหรับเหยื่อในอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ แต่ผู้รอดชีวิตหลายคนต่างเล่าว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือคนที่รักในสภาพการณ์เช่นนั้นได้เลย
ชายคนเหนึ่งเผยว่า มีเด็กประมาณ 30 คนรวมตัวกันอยู่ในห้องเด็กเล่นบนชั้น 2 ของเรือ ช่วงก่อนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผู้รอดชีวิตคนหนึ่งคาดว่า เด็กๆ เหล่านั้นน่าจะเสียชีวิตแล้วทั้งหมด
ด้าน เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีสถานการณ์ฉุกเฉินได้โทรศัพท์แจ้งภัยพิบัติครั้งนี้ให้กับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟทราบแล้ว และประกาศคำแนะนำแก่หน่วยกู้ภัยให้ดำเนินการค้นหาต่อไปทั้งคืน
ส่วนกระทรวงคมนาคมก็ออกแถลงการณ์ชี้แจ้งในภายหลังว่า เรือบัลแกเรียลำนี้ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกประมาณ 800 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่กว้างที่สุดจุดหนึ่งของแม่น้ำวอลกา โดยเรืออัปปางห่างจากชายฝั่งราว 3 กิโลเมตร
รายงานข่าวหลายสำนักระบุว่า เรือบัลแกเรียลำนี้สร้างขึ้นในปี 1955 ในประเทศ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเช็คโกสโลวาเกีย และเป็น 1 ในเรือ 36 ลำที่ส่งให้แก่สหภาพโซเวียต โดยเรือรุ่นเดียวกันนี้ยังคงมีการใช้งานในแม่น้ำตั้งแต่ยูเครน ไปจนถึงไซบีเรีย