เอเจนซี - นักประดาน้ำที่ดำลงไปค้นหาซากเรือท่องเที่ยวของรัสเซียซึ่งอับปางในแม่น้ำวอลกา เผย พบศพมากกว่าร้อยศพติดอยู่ภายในเรือลำดังกล่าว ขณะที่สามารถยืนยันผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้แล้ว 9 ราย
นักประดาน้ำหลายสิบนายกำลังค้นหาซากเรือบัลแกเรีย เรือ 2 ชั้น ที่สร้างขึ้นในปี 1955 ซึ่งเกิดอุบัติเหตุล่มในแม่น้ำวอลกา พร้อมผู้โดยสาร และลูกเรือเกือบ 200 ราย ท่ามกลางพายุรุนแรง
อิรินา อันเดรียโนวา โฆษกหญิงกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยัน 9 ราย เป็นหญิง 1 คน ที่พบศพในวันอาทิตย์ (10) และอีก 8 ราย ซึ่งเพิ่งกู้ศพขึ้นจากน้ำได้ในคืนที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้ราว 80 คน ส่วนใหญ่ตะเกียกตะกายขึ้นบนเรือที่แล่นผ่านไปมา หลังต้องลอยคออยู่ในน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมนั้นน้อยเต็มที
โฆษกหญิงคนดังกล่าว ระบุว่า ตามคำบอกเล่าของนักประดาน้ำ โอกาสที่จะพบเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นน้อยมาก
ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างข้อมูลของหน่วยค้นหา และหน่วยกู้ภัยว่า น่าจะมีศพที่ติดอยู่ในซากเรือลำนี้ประมาณ 110 ศพ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กถึง 30 คน
นอกจากนี้ สื่อรัสเซียยังรายงานว่า ผู้โดยสารบนเรือลำดังกล่าวประมาณ 60 ราย เป็นเด็กๆ ขณะที่ผู้รอดชีวิตระบุว่า มีเด็กประมาณ 30 คนอยู่ด้วยกันในห้องเด็กเล่นใกล้ดาดฟ้าเรือไม่กี่นาทีก่อนเรือล่ม
ด้านอันเดรียโนวา เชื่อว่า น่าจะมีผู้ที่อยู่บนเรือ 185 คน แต่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินระดับภูมิภาคในทาทาร์สถาน เผยในภายหลัง ว่า มีคนที่อยู่บนเรือลำนั้นทั้งหมด 199 ราย เป็นผู้โดยสารที่ไม่ได้ลงทะเบียน 18 คน
โฆษกกระทรวงในทาทาร์สถาน ระบุว่า พบศพหญิง 5 คน ชาย 2 คน และเด็กอีก 1 คนเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันนี้ (11) ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณที่เรืออับปาง ซึ่งห่างจากฝั่ง 3 กิโลเมตร โดยถือเป็นจุดที่กว้างที่สุดของแม่น้ำวอลกา
อิกอร์ ปันชิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยฉุกเฉินเขตวอลกา ชี้ว่า อาจพบศพจำนวนมากในห้องอาหารของเรือท่องเที่ยว ซึ่งเก่าแก่ถึง 56 ปีลำนี้ พร้อมกับเสริมว่า เหตุการณ์ขณะเรือจมนั้นกินเวลาประมาณ 8 นาทีตามคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต