เอเอฟพี - เท็ปโก บริษัทผู้ควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ แถลงวันนี้ (25) ว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนถึงจะบรรลุภารกิจแก้ปัญหาระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ได้ ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นกำลังครุ่นคิดถึงการปรับเพิ่มระดับความรุนแรงของอุบัติภัยปรมาณูครั้งนี้ขึ้นเป็นระดับ 6
ก่อนหน้านี้ สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ได้ปรับระดับความรุนแรงของวิกฤตโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะขึ้นเป็นระดับ 5 จากทั้งหมด 7 ระดับ ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นอุบติภัยด้านนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดของญี่ปุ่น และยืนอยู่ในระนาบเดียวกับอุบัติภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทรีไมล์ไอส์แลนด์ รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ เมื่อปี 1979
ทั้งนี้ บริษัทโตเกียวอิเล็คทริกเพาเวอร์ (เท็ปโก) แถลงยอมรับวันนี้ ว่า อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อแก้ปัญหาระบบหล่อเย็นล่มของเตาปฏิกรณ์ทุกหน่วย ปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายลงต่อเมื่ออุณหภูมิภายในลดลงต่ำกว่าจุดเดือด และระบบหล่อเย็นกลับมาทำงานได้ตามปกติ
โฆษกของเท็ปโกแจ้งกับเอเอฟพี ว่า “เรากำลังประเมินความเสียหายของตัวโรงไฟฟ้า ดังนั้นเรายังไม่สามารถระบุเส้นตายที่ระบบหล่อเย็นจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง บางทีอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือน”
ภายในสัปดาห์นี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 พุ่งสูงถึง 400 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะเสถียร อย่างไรก็ตามอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 - 4 ยังคงสูงกว่าจุดเดือด เจ้าหน้าที่สำนักความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่น เปิดเผย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำทะเลใส่เตาปฏิกรณ์ เพื่อลดอุณหภูมิของแท่งเชื้อเพลิง ขณะเดียวกันสารกัมมันตภาพรังสีได้แพร่กระจายออกสู่อากาศ จนเกิดการปนเปื้อนในน้ำประปา น้ำทะเล และผลิตผลสำหรับอาหารต่างๆ
ฝ่ายควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นชี้ ว่า อาจปรับเพิ่มผลการประเมินวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ ขึ้นถึงระดับ 6 หรือ “ระดับอันตรายร้ายแรง” หลังเสร็จสิ้นการรวบรวมข้อมูลระดับกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ
เจ้าหน้าที่ของสำนักความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ ว่า “เรายังไม่มองข้ามความเป็นไปได้ที่จะปรับระดับความรุนแรงนิวเคลียร์เป็นระดับ 6 ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะเปิดเผยออกมา แต่ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับระดับความรุนแรงเสมอ”
ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1, 2 และ 3 กำลังทำงานอยู่ และตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามเชื่อกัน ว่า แกนกลางเตาปฏิกรณ์บางส่วนอาจหลอมละลายไปแล้ว หลังจากระบบหล่อเย็นล่ม จนนำมาซึ่งการระเบิด และไฟไหม้หลายครั้ง
เจ้าหน้าที่แดนอาทิตย์อุทัยกำลังพยายามรักษาระดับน้ำของบ่อบรรจุแท่งเชื้อเพลิง และบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว ให้อยู่เหนือแท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์ ทั้งนี้หากแท่งเชื้อเพลิงสัมผัสกับอากาศ อาจปลดปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีจำนวนมากออกมาเพิ่มเติม
ด้าน สำนักงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ได้ปรับระดับความรุนแรงของอุบัติภัยฟูกูชิมะขึ้นเป็นระดับ 6 แล้วก่อนหน้านี้ โดยเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 มีความร้ายแรงอยู่ในระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ก่อนหน้านี้ สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ได้ปรับระดับความรุนแรงของวิกฤตโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะขึ้นเป็นระดับ 5 จากทั้งหมด 7 ระดับ ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นอุบติภัยด้านนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดของญี่ปุ่น และยืนอยู่ในระนาบเดียวกับอุบัติภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทรีไมล์ไอส์แลนด์ รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ เมื่อปี 1979
ทั้งนี้ บริษัทโตเกียวอิเล็คทริกเพาเวอร์ (เท็ปโก) แถลงยอมรับวันนี้ ว่า อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อแก้ปัญหาระบบหล่อเย็นล่มของเตาปฏิกรณ์ทุกหน่วย ปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายลงต่อเมื่ออุณหภูมิภายในลดลงต่ำกว่าจุดเดือด และระบบหล่อเย็นกลับมาทำงานได้ตามปกติ
โฆษกของเท็ปโกแจ้งกับเอเอฟพี ว่า “เรากำลังประเมินความเสียหายของตัวโรงไฟฟ้า ดังนั้นเรายังไม่สามารถระบุเส้นตายที่ระบบหล่อเย็นจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง บางทีอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือน”
ภายในสัปดาห์นี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 พุ่งสูงถึง 400 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะเสถียร อย่างไรก็ตามอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 - 4 ยังคงสูงกว่าจุดเดือด เจ้าหน้าที่สำนักความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่น เปิดเผย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำทะเลใส่เตาปฏิกรณ์ เพื่อลดอุณหภูมิของแท่งเชื้อเพลิง ขณะเดียวกันสารกัมมันตภาพรังสีได้แพร่กระจายออกสู่อากาศ จนเกิดการปนเปื้อนในน้ำประปา น้ำทะเล และผลิตผลสำหรับอาหารต่างๆ
ฝ่ายควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นชี้ ว่า อาจปรับเพิ่มผลการประเมินวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ ขึ้นถึงระดับ 6 หรือ “ระดับอันตรายร้ายแรง” หลังเสร็จสิ้นการรวบรวมข้อมูลระดับกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ
เจ้าหน้าที่ของสำนักความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ ว่า “เรายังไม่มองข้ามความเป็นไปได้ที่จะปรับระดับความรุนแรงนิวเคลียร์เป็นระดับ 6 ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะเปิดเผยออกมา แต่ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับระดับความรุนแรงเสมอ”
ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1, 2 และ 3 กำลังทำงานอยู่ และตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามเชื่อกัน ว่า แกนกลางเตาปฏิกรณ์บางส่วนอาจหลอมละลายไปแล้ว หลังจากระบบหล่อเย็นล่ม จนนำมาซึ่งการระเบิด และไฟไหม้หลายครั้ง
เจ้าหน้าที่แดนอาทิตย์อุทัยกำลังพยายามรักษาระดับน้ำของบ่อบรรจุแท่งเชื้อเพลิง และบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว ให้อยู่เหนือแท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์ ทั้งนี้หากแท่งเชื้อเพลิงสัมผัสกับอากาศ อาจปลดปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีจำนวนมากออกมาเพิ่มเติม
ด้าน สำนักงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ได้ปรับระดับความรุนแรงของอุบัติภัยฟูกูชิมะขึ้นเป็นระดับ 6 แล้วก่อนหน้านี้ โดยเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 มีความร้ายแรงอยู่ในระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
