ไอเออีเอชี้วิกฤตโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ “คลี่คลาย” แต่ยังน่าเป็นห่วง

เอเอฟพี - ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ชี้ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่นมีความคืบหน้าในทางที่ดีช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่เตือนว่าวิกฤตครั้งนี้ยังคงร้ายแรง ขณะที่ทีมวิศวกรเร่งซ่อมระบบหล่อเย็น และกู้กระแสไฟฟ้า โดยมีรถดับเพลิงคอยฉีดน้ำลดความร้อนแท่งเชื้อเพลิง

เกรแฮม แอนดรูว์ ที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโยลีของผู้อำนวยการไอเออีเอกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันในกรุงเวียนนาว่า ที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ มีความคืบหน้าในทางที่ดีช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงร้ายแรง

เขาเสริมว่า ความพยายามในการกู้กระแสไฟฟ้าเข้าระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

แอนดรูว์กล่าวว่า หลังจากแรงดันในหม้อปฏิกรณ์หน่วย 3 เพิ่มขึ้น จึงมีการวางแผนระบายแรงดัน เพื่อหลีกเลี่ยงการระเบิด แต่ข้อมูลล่าสุดจากเอ็นไอเอสเอ (สำนักงานความปลอดภัยทางอุตสาหกรรม และนิวเคลียร์) ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องระบายแรงดันแล้วเนื่องจากแรงดันหม้อปฏิกรณ์ลดลง ซึ่งถือเป็นข่าวดี

สำหรับสถานการณ์ในบ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ก็ยังค่อนข้างเสถียร แต่ยังน่าเป็นห่วงอยู่

อย่างไรก็ตาม ไอเออีเอยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับระดับน้ำ และอุณหภูมิในบ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ขณะที่หม้อปฏิกรณ์หมายเลข 5 และ 6 สามารถกู้ระบบหล่อเย็นให้กลับมาทำงานได้แล้ว รวมทั้งแรงดันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็ลดลงเช่นกัน

ส่วนระดับกัมมันตรังสีในเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่วันเสาร์ (19) และยังคงต่ำกว่าระดับที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ แอนดรูว์เสริม

ด้าน เคนจิ คาวาซากิ โฆษกเอ็นไอเอสเอรายงานเสริมในวันนี้ (21) ว่า เจ้าหน้าที่สามารถต่อกระแสไฟฟ้าจากภายนอกไปที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 2 ได้แล้ว แต่ไฟฟ้าที่ตัวเครื่องยังไม่สามารถกู้คืนได้ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าระบบหล่อเย็น และระบบอื่นๆ ของเตาปฏิกรณ์นี้ว่ายังสมบูรณ์ดีหรือไม่ก่อนส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไป

นอกจากนี้ เขายังเผยว่าเจ้าหน้าที่กำลังพยายามนำสายไฟจากแหล่งพลังงานไฟฟ้าภายนอกต่อเข้ากับเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 3 และ 4 ต่อไปด้วย

ทั้งนี้ ระบบหล่อเย็นซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 ของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไม่ให้เกิดการหลอมละลายอันจะสร้างความหายนะมหาศาล ไม่ทำงานมาตั้งแต่ถูกสึนามิถล่มเมื่อวันที่ 11 มีนาคม หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 9.0 โดยทีมวิศวกรต้องพยายามอย่างมากที่จะต่อสู้กับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น

รถดับเพลิงหลายคันถูกนำมาใช้ฉีดน้ำทะเลเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์ และบ่อแช่แท่งเชื้อเพลิง ซึ่งมีความร้อนสูงจนน่าเป็นกังวล ขณะที่รถของกองกำลังป้องกันตนเองก็ยังคงฉีดน้ำไปลดความร้อนที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 และ 4 ในวันนี้ (21) ต่อไป