เตื่อยแจ๋ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนาม ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภาคกลางของประเทศในปี 2557 ต่อไป แม้จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะของญี่ปุ่นก็ตาม
นายเจิ่น ดิ่งห์ เซิน ประธานสำนักงานรัฐสภาเวียดนามยืนยันเรื่องดังกล่าวในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่กรุงฮานอยวานนี้ ระหว่างประกาศวาระการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 9 ที่คาดว่า จะมีขึ้นในวันที่ 21 มีนาคม โดยนโยบายการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงห์ทวนผ่านมติสภาแล้ว แต่จะยังไม่นำเข้าหารือในระหว่างการประชุมรัฐสภาที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
ตามแผนที่กำหนดไว้ การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของเวียดนามจะเริ่มขึ้นในปี 2557 และจะทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้กับทั้งประเทศในปี 2563 โดยมีรัสเซียเป็นผู้ดูแลด้านเทคโนโลยีสำหรับโรงไฟฟ้าแห่งนี้
นายฮว่าง แองห์ ต่วน รองผู้อำนวยการกรมพลังงานปรมาณู กล่าวในการแถลงข่าวที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ว่า เหตุที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นนั้นทำให้เวียดนามได้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการพิจารณาเลือกพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคต นอกจากนี้ อุปกรณ์พ่วงต่อ เช่น อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าจะต้องได้รับการพิจารณาเป็นอย่างดี
ดร.โง ดัง เงิน หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และรังสีเวียดนาม กล่าวว่า การเลือกพื้นที่ก่อสร้างมีความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของประเทศ โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นในอนาคตนั้นคาดว่าจะสร้างขึ้นในนิคมเฟืองดิ่งห์ อำเภอทวนนาม จังหวัดนิงห์ทวน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถูกกำหนดให้อยู่ในบริเวณที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ริกเตอร์ ดังนั้น โรงงานจะต้องได้รับการออกแบบให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้อย่างน้อยในระดับ 6 หรือ 7 ริกเตอร์
นอกจากนั้น ศาสตราจารย์ เวือง หิว เติ่น ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานนิวเคลียร์เวียดนาม กล่าวว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงห์ทวน ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบอัติโนมัติ เมื่อโรงไฟฟ้าต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ เตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เวียดนามจะต้องถูกหล่อเย็นไว้ด้วยระบบหล่อเย็นอัตโนมัติภายใน 72 ชั่วโมง แม้ว่าจะไม่มีแหล่งพลังงานไฟฟ้าก็ตาม และสนับสนุนว่าเวียดนามควรเดินหน้าแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ต่อไป