รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พี.เจ.โครว์ลีย์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์ (13) ภายหลังมีรายงานข่าวว่า เขาได้ใช้ถ้อยคำแรงๆ อย่างคำว่า “โง่เขลา” และ “น่าหัวเราะเยาะ” ต่อวิธีการซึ่งกระทรวงกลาโหมอเมริกันใช้ปฏิบัติต่อทหารสหรัฐฯคนที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นตัวการปล่อยเอกสารลับรั่วไหลไปตีพิมพ์เผยแพร่ในเว็บจอมแฉ “วิกิลีกส์”
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ระบุในคำแถลงที่ออกโดยกระทรวงว่า เธอยอมรับใบลาออกของโครว์ลีย์ “ด้วยความเสียใจ” ทั้งนี้ ชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่โครว์ลีย์ดำรงอยู่และลาออกในคราวนี้ คือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯฝ่ายกิจการสาธารณะ และหัวหน้าโฆษกของกระทรวง
โครว์ลีย์ กล่าวในคำแถลงว่า เขายื่นใบลาออกเนื่องจากผลกระทบจากคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของเขา ดังนั้น เขาจึงต้องแสดงความรับผิดชอบ การลาออกของเขาเกิดขึ้น 2 วันหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับคำพูดของโครว์ลียร์ ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีเมื่อวันศุกร์ (11)
ก่อนหน้านั้น ผู้สื่อข่าวของบีบีซีผู้หนึ่งรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า โครว์ลีย์ได้บอกกับกลุ่มผู้ฟังกลุ่มเล็กๆ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า วิธีการที่กระทรวงกลาโหมใช้ปฏิบัติต่อ พลทหาร แบรดลีย์ แมนนิง อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯในอิรักนั้น “น่าหัวเราะเยาะ และก่อให้เกิดผลเสีย ตลอดจนเป็นวิธีการที่โง่เขลา”
แมนนิง กำลังถูกคุมตัวอยู่ในค่ายนาวิกโยธินแห่งหนึ่งในมลรัฐเวอร์จิเนีย ระหว่างการถูกสอบสวนข้อกล่าวหาหลายสิบกระทงซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่เขาถูกระบุว่า ทำให้เอกสารลับจำนวนมากรั่วไหลไปถึงวิกิลีกส์ โดยที่กระทรวงกลาโหมยอมรับว่า แมนนิงถูกขังเดี่ยววันละ 23 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังถูกบังคับให้นอนในสภาพเปลือยกาย และถูกปลุกให้ตื่นเป็นระยะๆ ในชั่วกลางคืน เพื่อให้มั่นใจว่าเขายังปลอดภัย
ในคำแถลงที่เมื่อวันอาทิตย์ โครว์ลีย์ บอกว่า การเปิดเผยเอกสารลับโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงก็จริง แต่การที่เขาพูดถึงสภาพการกักกันตัวแมนนิง ก็เพราะเห็นว่าการใช้อำนาจในทุกวันนี้ และในสภาพที่มีสื่อคอยติดตามอยู่ไม่ลดละเช่นนี้ ควรที่จะต้องกระทำอย่างสุขุมรอบคอบ และสอดคล้องกับกฎหมายและค่านิยมของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี โอบามาดูจะไม่เห็นด้วยกับจุดยืนเช่นนี้ของโครว์ลีย์ โดยในตอนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์นั้น โอบามาตอบว่า เขาได้รับการยืนยันจากกระทรวงกลาโหมว่า วิธีที่ปฏิบัติต่อแมนนิงเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม และก็สะท้อนให้เห็นความห่วงใยของทางกระทรวงต่อความปลอดภัยของทหารผู้นี้