เอเอฟพี - ตัวแทนเจรจาสันติภาพของรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ (6) ว่า “กังวลเป็นอย่างยิ่ง” หลังผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธรายหนึ่งประกาศแยกตัวจากแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ก่อนหน้าการเจรจาสันติภาพ
การแยกตัวของ อาเมริล อัมบรากาโต จากแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (เอ็มไอแอลเอฟ) ซึ่งกำลังเจรจาสงบศึกกับรัฐบาล เป็นสัญญาณอันตรายที่บั่นทอนความหวังในการยุติหนึ่งในสงครามกบฏที่ยาวนานที่สุดในโลก
“รัฐบาลกำลังจับตามองการถอนตัวของผู้บัญชาการกองกำลังโมโรด้วยความกังวลอย่างยิ่ง และตั้งตารอคำอธิบายจากคณะกรรมการสันติภาพของกลุ่มกบฏ” มาริวิก เลโอเนน แกนนำเจรจาของทางการ ระบุในคำแถลง
เลโอเนน ซึ่งมีกำหนดหารือกับตัวแทนกลุ่มกบฏโมโร เพื่อเปิดการเจรจาที่ชะงักงันมานาน ได้ระบุว่า รัฐบาลต้องการทำข้อตกลงกับแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ซึ่งมีกองกำลังประมาณ 12,000 คน “ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ทว่า เมื่อวันเสาร์ (5) เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มกบฏโมโรยืนยันว่า เกิดงูเห่าภายในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หลังจาก อัมบรากาโต ประกาศแยกตัวพร้อมทั้งนำกองกำลังติดอาวุธไปด้วยอย่างน้อย 1,000 คน เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว
อาเมริล อัมบรากาโต เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการ ซึ่งฉีกข้อตกลงหยุดยิงฉบับปี 2008 โดยการเปิดฉากโจมตีชุมชนชาวคริสต์ทางใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วราว 400 ราย และมีชาวบ้านอีกกว่า 70,000 คนต้องลี้ภัยออกจากพื้นที่ การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการตั้งโต๊ะเจรจาครั้งใหม่ หลังจากเบนิโญ อากีโนได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2010 ซึ่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ผู้นี้ได้ปฏิรูปทีมเจรจาสันติภาพของประเทศ
มูรัด เอบราฮิม ผู้นำสูงสุดกลุ่มเอ็มไอแอลเอฟ ได้ระบุผ่านคำแถลงบนเว็บไซต์ของกลุ่มกบฏดังกล่าววันนี้ (6) ว่า ทางกลุ่มกบฏพยายามโน้มน้าวให้ อัมบรากาโต กลับเข้าร่วมกลุ่ม และได้ส่งอูลามาอ์ หรือผู้นำทางศาสนาสูงสุด 3 ท่านไปเจรจากับอัมบรากาโตแล้ว โดยผลการเจรจาเบื้องต้นมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี
ทั้งนี้ มีผู้คนต้องสังเวยชีวิตให้กับความพยายามแบ่งแยกดินแดนของ กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 ไปแล้วมากกว่า 150,000 คน อย่างไรก็ตาม ข่าวคราวความเคลื่อนไหวล่าสุดของอัมบรากาโต เผยให้เห็นว่าเขากำลังก่อตั้งกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใหม่ เพื่อยืนหยัดต่อสู้แบ่งแยกรัฐอิสลามอิสระ ทางใต้ของฟิลิปปินส์ต่อไป
อนึ่ง บริเวณทางใต้ของเกาะมินดาเนาในฟิลิปปินส์ มีประชากรชาวคริสต์อาศัยอยู่จำนวนมาก ทว่าชาวมุสลิม ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ในพื้นที่ แต่เป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศได้อ้างสิทธิ์ครอบครองมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ