เอเอฟพี/เอเจนซี/วอชิงตันโพสต์/ASTVผู้จัดการรายวัน- “โอบามา” ย้ำในวันพุธ (4) ไม่สนใจกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังพรรคเดโมแครตเสียท่าให้กับรีพับลิกัน ในศึกชิงเก้าอี้ 2 ผู้ว่าการมลรัฐสำคัญเมื่อวันอังคาร (3) พร้อมยืนยันรัฐบาลเดโมแครตมีผลงานชิ้นโบแดงในการฉุดดึงเศรษฐกิจสหรัฐฯขึ้นมาจาก “หุบเหวแห่งหายนะ”
ในระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมเด็กนักเรียนที่โรงเรียนเจมส์ ซี.ไรต์ มิดเดิล สคูล ในมลรัฐวิสคอนซินเมื่อวันพุธ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างถล่มทลายเมื่อ 1 ปีก่อนพอดิบพอดี ยืนยันว่า คณะรัฐบาลของเขาจะไม่มีการเบี่ยงเบนนโยบายหรือหันเหออกจากทิศทางการบริหารประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเชื่อว่ากำลังเดินอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ทั้งในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจและการจัดการกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
“ผมขอยืนยันว่า มาตรการต่างๆ ที่คณะรัฐบาลสหรัฐฯได้ริเริ่มในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา จำเป็นต้องดำเนินต่อไปเพื่อฉุดรั้งเศรษฐกิจของเราไม่ให้ร่วงลงสู่หุบเหวแห่งหายนะซ้ำอีก และผมมองไม่เห็นว่าเก้าอี้ผู้ว่าการมลรัฐ 2 ตัวนั้นจะมีความสำคัญมากกว่าการเดินหน้าสร้างงาน และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวอเมริกัน อันเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของเราไปได้อย่างไร”
การออกมายืนยันของผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้ มีขึ้นหลังสื่อแขนงต่างๆ ทั้งในและนอกสหรัฐฯ รวมทั้งบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันพากันประโคมข่าวว่า ความพ่ายแพ้ของเดโมแครตในการเลือกตั้งผู้ว่าการมลรัฐในเวอร์จิเนีย และนิวเจอร์ซีย์ ให้กับรีพับลิกัน เป็นสัญญาณอันตรายที่เตือนว่าชาวอเมริกันกำลังเอือมระอากับการทำหน้าที่ของโอบามาจากความล่าช้าในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การปฏิรูประบบประกันสุขภาพ และการทำสงครามที่ยืดเยื้อในอัฟกานิสถานและอิรัก สภาพการณ์เช่นนี้ยังอาจส่งผลทำให้พรรคเดโมแครตต้องพ่ายแพ้ย่อยยับในการเลือกตั้งกลางเทอมในปีหน้า ที่จะมีทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งสภา, วุฒิสมาชิกราว 1 ใน 3 และผู้ว่าการมลรัฐราว 1 ใน 3 หรือกระทั่งอาจทำให้โอบามาหมดโอกาสกลับมานั่งในทำเนียบขาวอีกเป็นสมัยที่ 2 ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ขณะที่ ทิโมธี ไมเคิล เคน ประธานพรรคเดโมแครตและผู้ว่าการมลรัฐเวอร์จิเนียคนปัจจุบัน ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในต้นปีหน้า ออกมาระบุว่า ความพ่ายแพ้ของเดโมแครตในเวอร์จิเนียและนิวเจอร์ซีย์เป็นเพียงการแสดงออกของประชาชนในรัฐทั้งสองที่ต้องการให้รัฐบาลรับรู้ว่า พวกเขายังมีความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานที่สูงในรัฐของตนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเกิดความเสื่อมศรัทธาในตัวโอบามาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้ต่อพรรครีพับลิกันครั้งนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อยภายในพรรคเดโมแครต โดยสมาชิกพรรคที่เป็นพวกสายกลางและสายอนุรักษ์นิยมต่างบอกว่าโอบามาต้องเร่งสร้างผลงาน “ที่จับต้องได้” ให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวอเมริกันได้ประจักษ์โดยเร็ว ก่อนถึงการเลือกตั้งกลางเทอมในปีหน้า
“ผมไม่คิดว่า ผู้ออกเสียงจะสนใจกับความพยายามของโอบามา ในการผลักดันให้จีนและอินเดียลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการประชุมยูเอ็น ที่โคเปนเฮเกน ปลายปีนี้ และผมก็ไม่คิดว่าชาวอเมริกันจะสนใจแนวคิดเรื่องโลกที่ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำให้โอบามาคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเช่นกัน เพราะในยามนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอเมริกัน 308 ล้านคน คือ การมีงานทำและการมีหลักประกันว่าบ้านของพวกเขาจะไม่ถูกยึด” จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ วุฒิสมาชิกวัย 72 ปี ของเดโมแครต จากมลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย กล่าว
แพทริก กาสปาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการเมืองของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดที่สุดของโอบามา ก็แสดงท่าทีทำนองเดียวกัน โดยเตือนสมาชิกพรรคเดโมแครตว่า ไม่ควรนิ่งนอนใจต่อความพ่ายแพ้ เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่า นับจากนี้การบริหารประเทศของโอบามาอาจยากลำบากยิ่งขึ้น และการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นทั้งในและต่างประเทศคงประสบปัญหาไม่น้อยเมื่อเข้าสู่รัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ซาชารี “แซ็ก” สเปซ ส.ส.ไฟแรงวัย 48 ปี จากมลรัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นแกนนำสายอนุรักษนิยมรุ่นใหม่ในพรรคเดโมแครต มองว่า ความพ่ายแพ้ในรัฐใหญ่ทั้งสองถือเป็น “ข่าวดี” สำหรับพรรคมากกว่า เนื่องจากทำให้สมาชิกพรรคได้ทราบถึงข้อบกพร่องของตัวเองจากการทำงานในช่วงที่ผ่านมา และได้ตระหนักว่าในขณะนี้สิ่งที่ชาวอเมริกันต้องการไม่ใช่คำว่า “CHANGE”และ “HOPE” ตามที่โอบามาเคยหาเสียงไว้อีกต่อไปแต่สิ่งที่ชาวอเมริกันต้องการเห็นจากรัฐบาลของโอบามา คือ คำว่า “JOB”, “HOUSE” และคำว่า “HEALTHCARE” มากกว่า
