เดอะแคนาเดียนเพรส/ASTVผู้จัดการรายวัน – ศาลสูงสุดแคนาดา ตัดสินแล้ว ไม่รับคำร้อง “ราเกซ” เป็นการปิดฉากศึกการต่อสู้ทางกฎหมายในแดนใบเมเปิล ที่ยืดเยื้อถึง 13 ปี โดยเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และจะถูกส่งตัวในฐานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อมารับการพิจารณาคดีในศาลยุติธรรมของประเทศไทย
ตามรายงานของสำนักงานเดอะ แคนาเดียน เพรส ศาลสูงสุดแคนาดา ได้ตัดสินวันพฤหัสบดี (29) ไม่รับคำร้องของ นายราเกซ สักเสนา ที่ขอให้กลับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้เขาถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงหลายๆ กระทง ทั้งนี้ คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดได้กระทำตามธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติ นั่นคือ ไม่มีการให้เหตุผลสำหรับคำพิพากษาคราวนี้
นางเดบอราห์ สตรักคัน ทนายความของสำนักงานอัยการสูงสุดแคนาดา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย กล่าวในวันพุธ (28) ว่า พวกเจ้าหน้าที่ของไทยมาอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์แล้ว เพื่อนำตัวนายราเกซขึ้นเครื่องบินกลับไทยเร็วที่สุด หลังจากที่ศาลตัดสิน และงานเอกสารต่างๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อย
“ดิฉันทราบว่า ทางตำรวจไทยตั้งใจที่จะมาอยู่ที่นี่ในเวลาที่มีการอ่านคำตัดสิน และถ้าหากศาลพิพากษาไม่ให้มีการปล่อยตัวจำเลยแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คำตัดสินของศาลสูงสุดคราวนี้ เท่ากับเป็นการปิดฉากการต่อสู้ในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแคนาดาเลยทีเดียว
นายราเกซ ถูกจับกุมที่เมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย เมื่อปี 2539 ตามหมายขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนของไทย ซึ่งกล่าวหาเขาว่า ฉ้อโกงเงินจากธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนเกือบ 88 ล้านดอลลาร์แคนาดา และแทบจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยต้องคว่ำคะมำ
นับแต่นั้นเขาก็ต่อสู้ในทางกฎหมายเรื่อยมา เพื่อให้ได้สิทธิ์ที่จะอยู่ในแคนาดาต่อไป รวมทั้งความพยายามที่ล้มเหลวในปี 2549 ที่จะขอให้ศาลสูงสุดพิจารณาคดีของเขา
ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีในศาลหลายต่อหลายศาล เขาถูกสั่งกักตัวให้อยู่แต่ภายในบ้านพักบ้าง, ได้รับอิสรภาพโดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอันเข้มงวดบ้าง, กลับมาถูกคุมขัง แล้วก็ได้เป็นอิสระอีกครั้ง
ในช่วงเวลาเหล่านี้ มีรายงานว่า เขาล้มป่วยด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และในการไปปรากฏตัวในศาลที่บริติชโคลัมเบียครั้งท้ายๆ ของเขาหลายครั้ง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น
นายราเกซ ให้การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่า ถ้าถูกส่งตัวกลับประเทศไทย เขาจะได้รับอันตราย และจะไม่ได้รับการพิจารณาคดีด้วยความยุติธรรม ทว่า ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบตลอดจนรัฐมนตรียุติธรรมแคนาดา ที่รับตำแหน่งต่อเนื่องกันมา ต่างคัดค้านไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์รัฐบริติชโคลัมเบีย ได้ตัดสินยกคำอุทธรณ์ของเขา ที่ขอให้กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งตัดสินให้ส่งตัวเขากลับไปพิจารณาคดีที่ประเทศไทย
คำตัดสินของศาลสูงสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (29) ก็เป็นการยืนยันคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นนั่นเอง
“คดีนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว และทุกๆ ขั้นตอนของเส้นทางนี้ ศาลชั้นต่างๆ ได้ยืนยันว่า มีหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่ามีการประพฤติในทางฉ้อโกง ซึ่งเพียงพอที่จะส่งตัวเขากลับประเทศไทยเพื่อรับการพิจารณาคดี” นางสตรักคัน แถลง