เอเอฟพี - โรเบร์โต มิเชเลตติ ผู้นำรัฐบาลรักษาการฮอนดูรัสวานนี้ (5) ตามเวลาท้องถิ่น สั่งยุติการจำกัดสิทธิพลเรือนและยกเลิกการปิดสถานีวิทยุ 2 แห่ง ที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดี มานูเอล เซลายา ซึ่งถูกรัฐประหารยึดอำนาจ
มาตรการล่าสุดเป็นการแผ้วถางเส้นทางการเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ร่วมกับบรรดารัฐมนตรีการต่างประเทศขององค์การรัฐอเมริกัน (โอเอเอส) เพื่อพยายามคลี่คลายวิกฤตการเมืองที่ยึดเยื้อนานกว่า 3 เดือน
แต่กว่าที่ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ชุมนุมประท้วงอีกครั้งและกว่าที่สถานีวิทยุ 2 แห่งจะได้ออกอากาศตามปกติ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ทำให้เซลายา ซึ่งอาศัยลี้ภัยอยู่ที่สถานทูตบราซิลประจำกรุงเตกูซิกัลปา กล่าวหารัฐบาลรักษาการว่า กำลังเล่นเกมตุกติก
“มิเชเลตติ กำลังเล่นเกมตุกติกกับชาวฮอนดูรัสและประชาคมโลก” เซลายา บอกกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์
ทั้งนี้ วิกฤตการเมืองในฮอนดูรัสปะทุขึ้นเมื่อประธานาธิบดีเซลายา ซึ่งรับตำแหน่งเมื่อปี 2006 และจะหมดวาระในปี 2010 สร้างความกริ้วโกรธให้แก่ฝ่ายตุลาการ, รัฐสภา และทหาร ด้วยการประกาศจัดให้มีการลงประชามติในปลายเดือนมิถุนายน (28) เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สามารถลงเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 2
ก่อนหน้านั้น ศาลสูงสูงตัดสินว่าแผนการลงประชามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังถูกคัดค้านจากฝ่ายทหาร แต่ประธานาธิบดีเซลายา ประกาศจะผลักดันให้มีการลงประชามติต่อ และพยายามปลด พลเอกโรมิโอ วาสเกซ ผู้บัญชาการทหารออกจากตำแหน่งเนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าว
ศาลสูงสุดแถลงในวันเดียวกันว่า ได้สั่งให้ปลดประธานาธิบดีเซลายาออกจากตำแหน่ง เพื่อพิทักษ์รักษากฎหมายและความเป็นระเบียบในชาติ
รุ่งสางของวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ทหารราว 200 คน บุกจู่โจมบ้านพักของเซลายา และนำตัวผู้นำประเทศออกจากบ้านพักทั้งชุดนอน จากนั้นก็ส่งขึ้นเครื่องบินเนรเทศไปที่คอสตาริกา
การรัฐประหารและวิกฤตการเมืองในฮอนดูรัสครั้งนี้ เป็นวิกฤตครั้งเลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอเมริกากลางนับตั้งแต่สงครามเย็น ตลอดจนขัดขวางนโยบายต่างประเทศของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งพยายามจะปรับปรุงความสัมพันธ์กับละตินอเมริกา