เอเอฟพี - ผู้ประสบภัยน้ำท่วมหนักในฟิลิปปินส์ หลั่งไหลเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดี, อาคารยิมเนเซียม และศูนย์พักพิงชั่วคราวอีกหลายร้อยแห่งในวันนี้ (29) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากมหาอุทกภัยครั้งนี้พุ่งเป็น 240 รายแล้ว
วิกฤตด้านมนุษยธรรมที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเผชิญอยู่ยิ่งเลวร้ายลง หลังมีรายงานงานผู้ประสบภัยหลายแสนรายกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ซึ่งเสบียงอาหาร, ยาและสิ่งบรรเทาทุกข์ต่างๆ กำลังขาดแคลน
ทางการฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีเหยื่อผู้ประสบภัยมากถึง 374,890 รายจากฝนตกหนักในครั้งนี้ ซึ่งเกิดจากพายุ “กิสนา” พัดถล่มทั้งในและรอบๆ กรุงมะนิลา เมื่อวันเสาร์ (26) กำลังพักพิงอยู่ตามศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ
จนถึงวันนี้ (28) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมหนักครั้งนี้พุ่งขึ้นเป็น 240 รายแล้ว เพิ่มขึ้น 100 ราย จากการประเมินเมื่อวันก่อน (27)
รัฐบาลฟิลิปปินส์ แถลงว่า ได้รับการยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 101 รายในกรุงมะนิลา แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ เนื่องจากยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังจมอยู่ใต้น้ำ
รัฐบาลฟิลิปปินส์ วานนี้ (28) ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ หลังจากยอมรับว่ารับมือกับมหาอุทกภัยครั้งนี้ไม่ไหว
“เรากำลังร้องขอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากนานาชาติ” รัฐมนตรีกลาโหม คิลเบร์โต เตโอโดโร กล่าวในการแถลงสรุปถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ “มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสถานการณ์อันเลวร้ายอย่างที่สุด และเราไม่สามารถรอคอยให้สถานการณ์เช่นนั้นบังเกิดขึ้นมา”
เหตุน้ำท่วมหนักครั้งนี้ เกิดจากพายุฝนที่ตกหนักติดต่อกันกว่า 9 ชั่วโมงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ณ กรุงมะนิลาและส่วนอื่น ๆ ของเกาะลูซอน ทำให้พื้นที่ร้อยละ 80 ของกรุงมะนิลา ซึ่งมีประชากรราว 12 ล้านคน มีน้ำท่วมขังสูงในขณะที่ระบบการระบายน้ำย่ำแย่และขาดโครงสร้างพื้นฐานรองรับที่ดีพอทำให้ปัญหายิ่งชุลมุนหนักขึ้น มีการตัดไฟและโทรศัพท์ในหลายพื้นที่
ประธานาธิบดี กลอเรีย อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ พูดถึงเหตุน้ำท่วมหนักครั้งนี้ ว่า “เป็นมหาอุทกภัยที่ชั่วชีวิตหนึ่งจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง” และอนุญาตให้ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวภายในทำเนียบประธานาธิบดี