เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์ยอมรับวันนี้ (28) ว่าไม่สามารถรับมือกับเหตุน้ำท่วมรุนแรง ซึ่งทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยเกือบครึ่งล้านคน ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ายอดผู้เสียชึวิตจะเพิ่มสูงกว่า 86 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ
ผู้ประสบภัยจำนวนมากยังคงไม่ได้รับความช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมเมื่อวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมาในกรุงมะนิลาและพื้นที่ใกล้เคียง โรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนการปล้นสะดม และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นสิ่งที่เรากังวลมากที่สุด เจ้าหน้าที่หลายคนกล่าว
“เรากำลังมุ่งมั่นในปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่ แต่ระบบรับไม่ไหวแล้ว หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นก็รับไม่ไหวเช่นเดียวกัน” แอนโธนี โกเลซ ประธานสภาความร่วมมือด้านภัยพิบัติแห่งชาติบอกกับผู้สื่อข่าว
“เราเคยแต่ปฏิบัติภารกิจในเมืองๆ หนึ่ง, 1 หรือ 2 จังหวัด แต่ตอนนี้มีพื้นที่ประสบภัยหลายจังหวัด ทรัพยากรและบุคลากรของเรากระจายไม่ทั่วถึง”
ในวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “เกศนา” พัดถล่มฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนองหนักสุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษในกรุงมะนิลาและปริมณฑลบนเกาะลูซอน
ฝนตกหนักติดต่อกันนาน 9 ชั่วโมง ทำให้พื้นที่บางส่วนของกรุงมะนิลา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 12 ล้านคน มีน้ำท่วมขังสูงถึง 6 เมตร และเนื่องจากระบบระบายน้ำที่ไร้ประสิทธิภาพ ประกอบกับสาธารณูปโภคอย่างอื่นขัดข้อง ส่งผลให้ปัญหาเลวร้ายลง
80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในกรุงมะนิลาจมอยู่ใต้น้ำ และจนถึงวันนี้ (28) บางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงกว่าระดับเข่า
นอกจากนี้ บริการโทรศัทพ์และไฟฟ้ายังคงถูกตัดขาดในบางพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นกล่าวว่า ค่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยกำลังขาดแคลนน้ำ, อาหารและเสื้อผ้า
กิลเบอร์โต ทีโอโดโร รัฐมนตรีกลาโหมของฟิลิปปินส์ปแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 86 ราย และสูญหายอีก 32 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 435,000 คน
อย่างไรก็ตาม สถานีวิทยุดีแซดบีบีรายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ระบุว่า พบและเก็บกู้ศพมากกว่า 58 รายจากพื้นที่ประสบภัยแถบชานกรุงมะนิลา แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่ารวมอยู่ในยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง
ทีโอโดโรกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเร่งตรวจสอบรายงานดังกล่าว
