เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี ยูซุฟ ราซา กิลานี แห่งปากีสถาน ประกาศวันนี้ (16) ว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจคืนอำนาจให้กับประธานศาลสูงสุด เพื่อยุติความวุ่นวายทางการเมือง ขณะที่นาวาซ ชารีฟ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านก็ยอมยุติการนำขบวนประท้วงครั้งใหญ่แล้ว
“ผมขอประกาศในวันนี้ ว่า อิฟติคาร์ มูฮัมมัด เชาดรี และผู้พิพากษาคนอื่นๆ ที่ถูกปลดทั้งหมด จะได้รับตำแหน่งคืนตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมนี้” กิลานี แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประธานศาลสูงคนปัจจุบันจะเกษียณในวันดังกล่าว เชาดรี จึงจะสามารถเข้ารับตำแหน่งสืบต่อจากนั้นได้
เขายังกล่าวโดยตรงกับรัฐบาลท้องถิ่น ให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับทั้งหมด ในการปราบปรามการชุมนุมประท้วงรัฐบาล โดยนักกฎหมาย และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งวางแผนจะเคลื่อนขบวนจากเมืองต่างๆ ไปยังกรุงอิสลามาบัดในวันนี้ (16)
นอกจากนี้ เขายกเลิกกฎหมายอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 18 มาตราที่ 144 ที่มีผลบังคับใช้ในเมืองหลวง และในหลายๆ จังหวัด เช่น ปัญจาบ ซินห์ และนอร์ธ เวสต์ ฟรอนเทียร์ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการชุมนุมประท้วงด้วย
ด้านนักกฎหมาย นักเคลื่อนไหว และฝ่ายค้าน ต่างร้องรำทำเพลงบนท้องถนน พร้อมโบกธงประจำพรรค ด้วยความยินดี ที่พวกเขาสามารถต่อสู้เรียกร้องจนเอาชนะรัฐบาลได้
กิลานี กล่าวว่า “นี่เป็นคำสัญญาของอดีตผู้นำของเรา นางเบนาซีร์ บุตโต ว่าประธานศาลจะได้รับตำแหน่งคืน และผมก็เคยสัญญาเช่นเดียวกันนี้ หลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าถึงเวลาที่จะทำตามสัญญาแล้ว ดังนั้น ผมจึงได้รายงานต่อประธานาธิบดี และเขาก็เห็นด้วยที่จะคืนอำนาจให้แก่อิฟติคาร์ เชาดรี ในวันที่ 21 มีนาคมนี้”
ส่วน นาวาซ ชารีฟ ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญที่สุดของปากีสถาน ก็เห็นพ้องกับนักกฎหมาย และผู้นำพรรคการเมืองพันธมิตร เช่น อิมราน คาน ที่จะยอมยุติการนำขบวนประท้วงครั้งใหญ่จากละฮอร์ มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงอิสลามาบัด
“วันนี้ประเทศของเราได้รับข่าวดีมากๆ เราบอกแล้วว่าเราจะต้องคืนอำนาจให้ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาอิสระ และด้วยความเมตตาของพระอัลเลาะห์ เราจึงได้บรรลุความต้องการ” เขากล่าว โดยเสริมว่า “เร็วๆ นี้ เราจะแสดงบทบาทในการส่งเสริมประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศนี้ด้วย”
วานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ชารีฟ ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านของเขา ที่เมืองละฮอร์เป็นเวลาสามวัน ทั้งนี้หลังจากที่ประธานาธิบดีซาร์ดารี ได้สั่งการให้ดำเนินการลงโทษขั้นรุนแรง สั่งห้ามการชุมนุมประท้วง และกักตัวแกนนำสำคัญๆ รวมทั้งตั้งด่านสกัดการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมที่จะเดินทางจากละฮอร์มายังอิสลามาบัด
อย่างไรก็ตาม ชารีฟ ได้ฝ่าฝืนคำสั่ง และเคลื่อนขบวนประท้วงออกจากบ้านของเขา ซึ่งนั่งมาในรถเอสยูวีคันหนึ่ง จนกลายเป็นสถานการณ์รุนแรง ที่มีการประจันหน้ากันระหว่างตำรวจปราบจลาจล กับผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่ละฮอร์ และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนสิบกว่าคน