ราคาน้ำมันลดลงเล็กน้อยหลังตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯทรุด

เอเจนซี - ราคาน้ำมันร่วงลงเล็กน้อยเมื่อวันพุธ (14) สืบเนื่องจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและความเฉื่อยชาทางอุปสงค์ในสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก

อุปสงค์น้ำมันของสหรัฐฯ ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อการบริโภคพลังงานทางอุตสาหกรรม สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) ระบุ

อีไอเอ ระบุต่อว่า สต๊อกน้ำมัน--ซึ่งรวมไปถึงน้ำมันใช้ทำความร้อนและดีเซล--เพิ่มขึ้นถึง 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 มกราคม ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 37.28 ดอลลาร์ แต่ทางน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 45.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้แรงหนุนของเหตุข้อขัดแย้งเรื่องการส่งก๊าซระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ส่งไปยังยุโรป

“สต๊อกน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้น เช้าวันนี้เรามีจำนวนขายที่ติดลบ นี่เป็นผลมาจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่ออุปสงค์” ทอม เบนต์ซ จากบีเอ็นพีพาริบาส คอมมูดิตี้ฟิวเจอร์ ระบุ

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกตามฤดูกาลลดลงถึง 2.7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 3.4 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่ผ่านมา มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ซึ่งคาดหมายเดิมว่าจะลดลงเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“ตัวเลขยอดขายปลีกเลวร้ายมาก มันเป็นการยืนยันว่าสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนั่นหมายถึงอุปสงค์พลังงานก็จะลดตามไปด้วย และดังนั้น ตลาดก็ยิ่งจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ” ร็อบ ลัชลิน นักวิเคราะห์ระดับอาวุโสของเอ็มเอฟโกลบอลกล่าว

ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงจากที่ก้าวไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจพรากอุปสงค์น้ำมันโลก ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ คาดหมายว่า การบริโภคพลังงานของโลกจะลดลงมากกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ดิ่งลงกว่า 248 จุด หลังนักลงทุนผิดหวังข้อมูลเกี่ยวกับยอดขายปลีกและสถาบันการเงินในประเทศ ฉุดให้ดัชนีหุ้นสำคัญของยุโรปรูดลงด้วย

นอกจากข้อมูลที่ระบุว่ายอดขายของธุรกิจค้าปลีกในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลดลงมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้กว่าเท่าตัวแล้ว ขณะเดียวกันข่าว ซิตี้กรุ๊ป เตรียมขายธุรกิจนายหน้าให้กับมอร์แกน มแตนลีย์ แลกกับเงิน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็สะท้อนว่าสถาบันการเงินยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,200.14 จุด ลดลง 248.42 จุด หรือ 2.94% ดัชนีแนสแดก ปิดที่ 1,489.64 จุด ลดลง 56.82 จุด หรือ 3.67% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 842.62 จุด ลดลง 29.17 จุด หรือ 3.35 %