เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคามันพุ่งพรวด 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันพฤหัสบดี (19) ดีดไปเหนือ 39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหตุสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาดจากภาวะน้ำเข้าลดลงแต่อุปสงค์มากขึ้น สวนทางตลาดหุ้นที่ทรุดหนักดิ่งกว่า 89 จุด ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี หลังตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้ง
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (19) ว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ร่วงลง 200,000 บาร์เรล ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ หลังการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์
อีไอเอ ระบุว่า แม้สต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางกลับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่า จะลดลง 600,000 บาร์เรล แต่ขณะเดียวกันคลังน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมไปถึงดีเซลและน้ำมันทำความร้อนลดลงถึง 800,000 บาร์เรล ตามขอบเขตที่ตลาดคาดหมาย
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ซึ่งจะหมดอายุสัญญาในวันศุกร์ (20) เพิ่มขึ้น 4.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นการดีดตัวครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ส่วนงวดส่งมอบเดือนเมษายน ปรับตัวขึ้น 2.77 ดอลลาร์ปิดที่ 40.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านมันดิบเบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ขยับขึ้น 2.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างแรงในวันพฤหัสบดี (19) ส่วนหนึ่งยังมาจากข้อมูลที่ทางอีไอเอระบุว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นในช่วง 4 สัปดาห์ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมถึงวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อ 1 ปีก่อน
ราคาน้ำมันดีดตัวแรงมีขึ้นหลังเศรษฐกิจอันอ่อนล้าได้ก่อความปวดร้าวให้กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดตลาดต่ำที่สุดในรอบ 6 ปีเมื่อวันพฤหัสบดี (19) หลังกระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ย้ำให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 7,465.95 จุด ร่วงลง 89.68 จุด (1.19 เปอร์เซ็นต์) แนสแดก ปิดที่ 1,442.82 จุด ร่วงลง 25.15 จุด (1.71 เปอร์เซ็นต์) และเอสแอนด์พี ปิดที่ 778.94 จุด ร่วงลง 9.48 จุด (1.20 เปอร์เซ็นต์)
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์สำหรับคนว่างงาน เพิ่มขึ้น 170,000 คน ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 4.987 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
“ผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ย้ำให้เห็นถึงความยากลำบากในการหางานใหม่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้และทำให้ผู้คนเริ่มคิดว่าจำเป็นต้องประหยัดเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แพทริค โอแฮร์ นักวิเคราะห์กล่าว
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ประสบปัญหาในความพยายามกอบกู้เศรษฐกิจที่ถูกเล่นงานด้วยภาคส่งออกอันล่มสลาย ที่รัสเซียตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้น ขณะที่อังกฤษตัวเลขขาดดุลงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์