xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายทหารของ “ปากีสถาน”ถูกกระหน่ำตีอย่างแรง

เผยแพร่:   โดย: ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)

Pakistan’s military takes a big hit
By Syed Saleem Shahzad
12/12/2008

ทางการผู้รับผิดชอบของปากีสถานไม่ยอมเสียเวลาเลย ในการปฏิบัติตามประกาศของสหประชาชาติที่ขึ้นบัญชีกลุ่ม จามาอัตอุต ดาวะ เป็นองค์การก่อการร้าย บรรดาผู้นำของกลุ่มนี้ ซึ่งบัดนี้เท่ากับถูกระบุชี้ตัวกันในระดับนานาชาติแล้วว่าเชื่อมโยงกับพวกที่พัวพันกับการก่อเหตุโจมตีเมืองมุมไบนั้น กำลังถูกกวาดล้างจับกุม อีกทั้งทรัพย์สินต่างๆ ก็ถูกอายัด ประเด็นที่สำคัญก็คือ ปฏิบัติการเช่นนี้กระทำไปโดยขัดแย้งกับความปรารถนาของฝ่ายทหาร ซึ่งตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ก้าวต่อไปของคณะผู้นำรัฐบาลในกรุงอิสลามาบัด ก็คงจะต้องเข้าสยบเล่นงานสำนักงานข่าวกรองทหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานสืบราชการลับที่ทรงอำนาจที่สุดของประเทศ

การาจี – การประกาศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในสัปดาห์นี้ที่ว่า กลุ่ม จามาอัตอุต ดาวะ (Jamaatut Dawa) ของปากีสถาน เป็นองค์กรบังหน้าให้แก่กลุ่ม ลัชกัร-อี-ตอยบา (Lashkar-e-Taiba หรือ LET) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นองค์การผู้ก่อการร้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว นับเป็นหลักหมายแสดงถึงความเพลี่ยงพล้ำของฝ่ายทหารปากีสถาน

ยูเอ็นยังกำหนดให้นำเอามาตรการคว่ำบาตรกลุ่มก่อการร้าย มาใช้กับ จามาอัตอุต อีกด้วย อาทิ การอายัดทรัพย์สิน, การไม่ให้ออกหนังสือเดินทางแก่บุคคลสำคัญของกลุ่ม, และการห้ามไม่ให้ติดต่อซื้อขายอาวุธด้วย จามาอัตอุตเองกล่าวอ้างว่า ตนเป็นองค์การการกุศลที่แยกขาดจากแอลอีที ซึ่งเกี่ยวข้องพัวพันกับการโจมตีอันก่อความเสียหายหนักหน่วงในนครมุมไบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว โดยทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 200 คน

ประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ของปากีสถาน และพวกเจ้าหน้าที่การทูตของเขาในกรุงวอชิงตันและนครนิวยอร์ก ต่างล็อบบี้อย่างหนัก เพื่อต่อต้านความพยายามของฝ่ายทหารปากีสถาน ที่ยังมุ่งหวังปกป้องรักษาทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ต่างๆ ของตนเอาไว้ โดยที่พวกผู้นำพลเรือนในกรุงอิสลามาบัดนั้นต้องการที่จะปราบปรามพวกแอลอีทีและ จามาอัตอุต อย่างจริงจัง

แล้วคณะผู้นำในอิสลามาบัดก็เป็นฝ่ายชนะ คณะกรรมการพิจารณาลงโทษคว่ำบาตรพวกอัลกออิดะห์และตอลิบาน แห่งคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ยังได้มีมติให้ขึ้นบัญชีบุคคล 4 คนที่เชื่อกันว่าเป็นสมาชิกชั้นนำของแอลอีที หรือ จามาอัตอุต ไว้ในฐานะเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้ง 4 คนนี้ได้แก่ ฮาฟิซ มูฮัมหมัด ซาอีด ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม, ซากีร์ เรห์มาน ลัควี หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ, หะจี มูฮัมหมัด อัชราฟ หัวหน้าฝ่ายการเงิน, และ มาหมุด โมฮัมหมัด อาเหม็ด บาฮาซิก ซึ่งเป็นนักการเงิน ทั้งนี้ บาอาซิกเคยเป็นอดีตผู้นำของจามาอัตอุต ในซาอุดีอาระเบีย

การขึ้นบัญชีดำคราวนี้ กำหนดให้ครอบคลุมถึงบรรดานามแฝงอื่นๆ ตลอดจนกิจการในเครือทั้งหลายของแอลอีที ซึ่งรวมทั้ง จามาอัตอุต อันเป็นองค์การการกุศลที่ก่อตั้งขึ้นภายหลังแอลอีทีถูกตราหน้าว่าเป็นองค์การก่อการร้ายในปี 2002

ปรากฏว่าไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากการประกาศของยูเอ็น ปากีสถานก็ได้ดำเนินการจู่โจมตรวจค้นสำนักงานทั้งหลายของจามาอัตอุตในทั่วประเทศ ซาอีดและผู้นำคนอื่นๆ ถูกกักตัวเอาไว้ให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก ขณะที่ผู้นำจามาอัตอุตอีกหลายๆ คนต่างหลบลงใต้ดิน

ภายหลังเหตุการณ์โจมตีที่มุมไบไม่นานนัก อินเดียได้ยื่นหลักฐานอันยากยิ่งที่จะแก้ตัวให้แก่ฝ่ายปากีสถาน โดยผ่านทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายต่อหลายคน พร้อมกับเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมาว่า ต้องการให้เล่นงานแอลอีทีสำหรับการมีส่วนพัวพันเชื่อมโยงกับการโจมตีคราวนี้ ทั้งนี้ 1 ใน 10 ของผู้ที่ทำการโจมตีเมืองมุมไบ ได้ให้การยอมรับว่าได้รับการฝึกอบรมจากแอลอีที

สื่อมวลชนในปากีสถานนั้นได้รับคำชี้แนะให้พยายามตีตราเหตุการณ์โจมตีมุมไบว่าเป็นการสมคบคิดกันสร้างสถานการณ์ ด้วยฝีมือของ กองวิจัยและวิเคราะห์ (Research and Analysis Wing) ของอินเดีย, องค์การสืบราชการลับมอสสาด(Mossad) ของอิสราเอล, และสำนักงานข่าวกรองกลาง(ซีไอเอ)ของสหรัฐฯ เพื่อบีบคั้นกดดันปากีสถานให้แน่นหนาจนดิ้นไม่ออก อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน พล.อ.อัชฟัก ปาร์เวซ คิอานี พยายามทำให้คณะรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช มีความมั่นใจว่าจะมีการเล่นงานพวกแอลอีทีอย่างแน่นอนอยู่นั้น ฝ่ายทหารก็กลับแนะนำรัฐบาลของตนเองว่า ควรต้องจำแนกแยกแยะระหว่าง จามาอัตอุต กับ แอลอีที

ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าตื่นใจเช่นนี้ ในวันอาทิตย์ที่แล้ว(7) ฝูงเฮลิคอปเตอร์ของปากีสถานก็ได้บินไปยังเมืองซาวาย ในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่ปากีสถานบริหารปกครองอยู่ เพื่อจับกุม ซาคิอูร์ ราห์มาน ผู้บัญชาการกองกำลังของแอลอีที ทว่าในทางเป็นจริงแล้ว พวกสำนักงานและศูนย์ฝึกของแอลอีต่างก็มีการอพยพโยกย้ายกันไปก่อนแล้ว ไม่นานนักหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีมุมไบ ทั้งนี้ตามคำแนะนำของฝ่ายทหารปากีสถาน ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรับมือในกรณีที่อินเดียเกิดเปิดฉากโจมตีตอบโต้แก้เผ็ด

สำหรับ ซาคิอูร์ ราห์มาน ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองกำลังอาวุธของแอลอีทีนั้น แท้ที่จริงแล้วเขาพำนักอาศัยอยู่ในกรุงอิสลามาบัด ณ บ้านพักซึ่งจัดหาให้โดยหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่งของปากีสถาน เขาถูกโทรศัพท์ตามตัวในตอนเช้าวันจันทร์(8)ให้ยอมมอบตัว ซึ่งเขาก็ยินยอมโดยไม่มีเรื่องราวเอะอะโวยวายอะไร วันเดียวกันนั้นเอง อันเป็นวันก่อนหน้าเทศกาลอีฎิ้ลอัดฮาของชาวมุสลิม ทางองค์การจามาอัตอุตยังได้ออก “หนังสือรับรอง” ให้แก่ผู้ร่วมบริจาคเงินสำหรับสัตว์ที่จะนำมาใช้เชือดพลีแจกคนยากจนเนื่องในเทศกาลคราวนี้ในทั่วประเทศ สัตว์เหล่านี้สามารถระดมเงินได้เป็นจำนวนมากมายทีเดียว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แรงกดดันจากนานาชาติต่อปากีสถานกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และบรรดาผู้นำทางการเมืองในอิสลามาบัดก็อยู่ในสภาพถูกตีกระหนาบ โดยด้านหนึ่งจากแรงกดดันให้ต้องลงมือปฏิบัติการปราบปรามพวกหัวรุนแรงดังกล่าวนี้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็ถูกแรงบีบคั้นของฝ่ายทหาร ซึ่งต้องการให้ดำเนินการอย่างนุ่มนวลถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่า

เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำกรุงวอชิงตัน ศาสตราจารย์ ฮูเซน ฮักกานี และผู้แทนถาวรของปากีสถานประจำสหประชาชาติในนิวยอร์ก ฮัสเซน ฮารูน ต่างแสดงบทบาทพยายามเป็นฝ่ายกระทำในการขอร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศช่วยเหลือปากีสถาน

พวกเขาได้ดำเนินการส่งข้อความของพวกเขาไปทั่ว และแล้วยูเอ็นก็ได้เล็งยิงตรงมายังแกนกลางของความไม่ลงรอยกัน ด้วยการประกาศระบุชื่อกล่าวโทษกลุ่มจามาอัตอุตออกมาอย่างชัดเจน ไม่นานนักหลังจากการประกาศคว่ำบาตรของสหประชาชาติแล้ว ก็มีการส่งข่าวติดต่อกับผู้บัญชาการทหารบก และกับผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานข่าวกรองทหาร (Inter-Services Intelligence หรือ ISI) โดยผ่านทางที่ปรึกษาฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติของปากีสถาน พล.ต.(เกษียณอายุ) มาหมุด ดูร์รานี แจ้งให้ทราบว่าหน่วยงานความมั่นคงเหล่านี้ควรจะต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามประกาศห้ามของยูเอ็นทั้งในทางลายลักษณ์อักษรและในทางเจตนารมณ์

ในวันพฤหัสบดี(11) การหาทางกีดกันฝ่ายทหารก็ถือว่าสำเร็จสมบูรณ์ เมื่อกำลังตำรวจยกกันเข้าจู่โจมตรวจค้นสำนักงานต่างๆ ของจามาอัตอุตทั่วประเทศ แบบอิสระตามใจโดยปราศจากการแทรกแซงยุ่งเกี่ยวของหน่วยงานด้านข่าวกรองใดๆ ทั้งสิ้น ทางด้านธนาคารกลางของปากีสถานก็ประกาศอายัดบัญชีธนาคารทั้งหลายของจามาอัตอุต

พัฒนาการเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ฝ่ายทหารซึ่งเคยมีบทบาทครอบงำการดำเนินกิจการต่างๆ ของรัฐในประเทศนี้มานมนานแล้วนั้น บัดนี้กลับตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำต่อรัฐบาลของฝ่ายการเมือง

ก้าวเดินต่อไปซึ่งน่าจะเป็นก้าวเดินอันสำคัญยิ่งยวดที่สุดด้วยนั้น ก็คือ การโค่นทำลายอำนาจอันไร้ขอบเขตจำกัดของสำนักงานข่าวกรองทหาร (ไอเอสไอ) วอชิงตันได้จัดหาหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นว่าไอเอสไอมีส่วนพัวพันกับการโจมตีที่มุมไบเอาไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ รัฐบาลพลเรือนในปากีสถานก็ได้เคยพยายามเด็ดปีกของไอเอสไอ ด้วยการโยกย้ายหน่วยงานนี้ไปขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ทว่าความพยายามนี้ต้องล้มเหลวลงจากการต้านทานของกองทัพ

รัฐบาลที่ใจกล้าเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งได้รับการหนุนหลังอย่างเต็มที่จากพวกพันธมิตรฝ่ายตะวันตกของตน อาจจะพรักพร้อมที่จะลองพยายามในเรื่องนี้กันอีกครั้ง ทว่าไอเอสไอที่มีการเชื่อมโยงแนบแน่นกับฝ่ายทหารนั้น ต้องไม่สามารถผงาดขึ้นมาทรงอำนาจถึงขนาดที่เป็นอยู่ได้หรอก ถ้าหากทำตัวยอมจำนนในศึกสงครามอย่างง่ายๆ โดยยังไม่ทันได้ทำการสู้รบเลย

ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้ทางอีเมล์ saleem_sharzad2002@yahoo.com
กำลังโหลดความคิดเห็น