ASTVผู้จัดการรายวัน- กองทัพยันผลตรวจสอบอาวุธสงครามไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ทุกลังอยู่ครบ 145 ลัง ขณะที่รัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งสอบเชิงลึกบริษัทจดทะเบียนภายในประเทศ ที่พัวพันลักลอบขนอาวุธสงครามที่ถูกจับได้ในไทย "สุเทพ" ระบุไม่อยากขยายผลถึงปลายทางอาวุธสงคราม ส่วนจะนำมาใช้ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับยูเอ็นกำหนด ด้าน สมช.ลั่นไม่มีสินบน "กษิต" ระบุชัดไทยต้องทำลายอาวุธสงครามทั้งหมด
วานนี้ (17 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึง กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาวุธที่ยึดได้จากเครื่องบินที่ลักลอบขนเข้ามาในประเทศไทยบางส่วนที่ไม่เข้าข่ายของมติองค์การสหประชาชาติ จะเก็บไว้ใช้ประโยชน์เองว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแยกจำแนกประเภทอาวุธว่าจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้กี่อย่าง คิดว่ายังเร็วไปที่จะพูดได้ แต่ที่สำคัญเราต้องปฏิบัติตามมติยูเอ็น ที่มีการจำแนกประเภทอาวุธประเภทไหนเอาไว้บ้าง ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแยกประเภทออกมาก่อน แล้วให้กระทรวงการต่างประเภทไปตรวจสอบมติของสหประชาชาติให้ชัดเจน
**ส่วนระยะเวลาคิดว่าคงไม่นาน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่จับได้ แล้วมีการแยกประเภทอาวุธไว้ใช้เองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ไปดูรายละเอียดว่า ตอนนั้นที่ตะวันออกกลาง เขาทำอย่างไร ส่วนอาวุธที่เก็บไว้จะนำไปใช้ในกรณีใดบ้าง เช่น นำไปใช้บริเวณชายแดน หรือในภาคใต้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่หรอก ยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น แต่จะนำไปใช้เพื่อศึกษาเทคโนโลยี หรือว่าดูประกอบการศึกษา หรือไม่ก็ต้องดูว่า เป็นอาวุธอะไร
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มาพบตนและรายงานให้ทราบว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังแยกแยะอาวุธเหล่านั้นว่าเป็นประเภทใดบ้าง คาดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ก็คงจบแล้ว
**ทอ.ยันอาวุธยังอยู่ครบไม่มีหาย
วานนี้ (17 ธ.ค.)พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ได้เป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการราชการแทนผบ.ตร. โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ แถลงว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องเครื่องบินขนอาวุธ ซึ่งในส่วนของกองทัพอากาศนั้น เมื่ออากาศยานลงสู่พื้นแล้วได้จัดกำลังพลไปควบคุม อากาศยานตามการร้องขอของส่วนราชการ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ เข้าไปตรวจสอบ โดยเบื้องต้นตรวจสอบไม่พบอาวุธร้ายแรง ตามกระแสข่าวว่า เครื่องบินดังกล่าวขนอาวุธนิวเคลียร์ แต่พบเพียงอาวุธสงคราม จึงได้ทำหลักฐานทางบัญชี ก่อนที่จะมีการขนขึ้นรถไปยังคลังสรรพาวุธ กองบิน 4 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ก็ได้ทำบัญชีอีกครั้ง และยอดบัญชีก็ตรงกัน จนกระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. ที่มีการเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด ก็ได้ทำบันทึกกันอีกครั้ง ซึ่งยอดบัญชียังตรงกัน
"กองทัพอากาศได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการเก็บรักษาอาวุธนั้น ได้ดูแลเป็นอย่างดี และครบตามจำนวนที่ได้ทำการบันทึกไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดจะต้องสอบถามกับกองปรามปราม ที่เราควบคุมไว้นั้น เป็นอาวุธสงคราม เป็นลักษณะของเครื่องยิง และวัตถุระเบิด ซึ่งไม่ได้มีลักษณะของอาวุธนิวเคลียร์"โฆษกทอ.กล่าว
ส่วนกระแสข่าวเรื่องอาวุธหายนั้น ยืนยันว่า จำนวนนับของกล่องทั้งหมด 145 ลังตั้งแต่วันที่เครื่องบินลงจนถึงวันที่เข้าไปตรวจสอบที่กองบิน 4 อีกครั้ง ยังมีจำนวน 145 ลังเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีระบุว่า สามารถนำอาวุธ ออกมาใช้ได้ น.อ.มณฑล กล่าวว่า เป็นเรื่องของมติสหประชาชาติ ที่เปิดช่องทางเอาไว้ว่าให้ประเทศที่เป็นผู้จับกุมได้สามารถพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นเรื่องของรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่จะพิจารณา โดยมติของสหประชาชาตินั้นจะมีเปิดไว้หลายๆ ข้อทั้งเก็บรักษา ทำลาย และนำไปใช้ประโยชน์
**รบ.นิวซีแลนด์สอบบริษัทพัวพันขนอาวุธสงคราม
โฆษกกระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ เผยว่า รัฐบาลกำลังสอบสวนบริษัทในประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งอาวุธสงครามหนักร่วม 35 ตัน ซึ่งประกอบไปด้วยขีปนาวุธ และระเบิดแสวงเครื่อง ที่ถูกจับพร้อมนักบินชาวเบลารุส และลูกเรือชาวคาซัคสถาน 4 คน หลังลงจอดเพื่อเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินดอนเมืองในวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา
“เราทราบจากรายงานข่าวของสื่อ และกำลังตรวจสอบในประเด็นข้อกล่าวหาถึงความเกี่ยวข้องของนิวซีแลนด์” โฆษกหญิงกล่าว
เจ้าหน้าที่ในคาซัคสถานระบุว่า สายการบินในประเทศแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นเจ้าของเครื่องบินอิลยูชิน-76 ลำนี้ ให้ชาวจอร์เจียที่เป็นเจ้าของบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ในนิวซีแลนด์เช่าต่อไป
ด้าน อิลยาส โอมารอฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของคาซัคสถาน กล่าวว่า จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่การทูตคาซัคในไทย และองค์กรหลายแห่งในคาซัคสถานชี้ว่าเครื่องบินอิลยูชิน-76 ถูกเช่าโดยบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ลิมิเต็ด ของนิวซีแลนด์ เพื่อขนส่งสินค้า
บริษัทที่ชื่อเอสพี เทรดดิ้ง นี้ จดทะเบียนในนามบริษัทของนิวซีแลนด์ มีสำนักงานอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ มีกรรมการบริษัทเพียงคนเดียวคือ หลู ชาง และหุ้นของบริษัททั้งหมด มีบริษัทไวแคม (โอ๊คแลนด์) เป็นเจ้าของอีกทอดหนึ่ง
ส่วนบริษัทไวแคมมีเจ้าของเป็นกลุ่มธุรกิจจีที ในวานูอาตู ซึ่งเว็บไซต์ของทางบริษัทระบุว่า เปิดให้บริการต่างๆ เช่น การหลบเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมาย และการคุ้มครองทรัพย์สิน เป็นต้น
ขณะที่สื่อของแดนกีวีรายงานว่า นักข่าวพยายามติดต่อกรรมการชาง หรือบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ซึ่งตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
**"กษิต"ชี้ต้องทำลายอาวุธทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.35 น.วานนี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ประเทศ ได้เดินทางเข้าพบนายสุเทพ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น นายกษิต เปิดเผยว่า มารายงานเกี่ยวกับกิจการความมั่นคงระหว่างประเทศ
สำหรับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อรายงานในเมื่อมีการละเมิดข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องอาวุธ ซึ่งเมื่อทางการไทยสอบสวนเสร็จในชั้นต้นแล้ว ก็ส่งหนังสือผ่านคณะผู้แทนถาวรที่นิวยอร์ก โดยการดำเนินการกับอาวุธที่จับกุมได้นั้น มีหลักเกณฑ์การดำเนินงานอยู่แล้ว
ทั้งนี้อาวุธดังกล่าวต้องทำลายทิ้งทั้งหมด ไม่สามารถเก็บไว้ใช้เองได้ เพราะไม่ใช่ของเรา และในฐานะที่เป็นสมาชิกที่ดีของสมาคมโลก ถือเป็นความรับผิดชอบที่ดีที่เราต้องดำเนินการ
**สมช.ยันไม่มีสินบนนำจับ
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. กล่าวถึงการจับกุมอาวุธในครั้งนี้ว่า มีการประสานงานกันในฝ่ายข่าวของทุกหน่วยงาน รวมไปถึงการประสานงานกับฝ่ายข่าวของสหรัฐฯ
"ไม่มีการชี้ หรือบงการหรือบังคับให้ เราต้องไปทำ หรือไปดำเนินการ เรามีกฎหมายที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ โดยกฎหมายที่รองรับเป็นกฎหมายของโลก คือ ข้อมติของสหประชาชาติ ข้อมติที่ 1874 เมื่อ เดือนมิถุนายน 2009 ในข้อมติพูดเอาไว้ชัดเจนว่า ห้ามซื้อขายอาวุธทั้งทางตรงทางอ้อม เมื่อตรวจสอบพบจะต้องยึดอายัด ทำลาย และรายงานให้สหประชาชาติรับทราบ"นายถวิล กล่าว
ทั้งนี้ การที่ไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนั้น เป็นเพราะมติของยูเอ็น ซึ่งไทยในฐานะสมาชิก มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ และไทยไม่ได้เป็นศัตรู หรือดำเนินการเรื่องนี้กับประเทศใดๆ แต่ไทยกำลังดำเนินการต่อองค์กรอาชญากรรม ลักษณะข้ามชาติ
"เราไม่ได้ดำเนินการต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เราดำเนินการต่อตัวที่เป็นอาวุธ เราดำเนินการ ต่อขบวนการของอาชญากร ที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ ผู้ที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยคือ ตำรวจ แต่ถ้าตำรวจกลัวผลกระทบ กลัวการแก้แค้นกลัวการตอบโต้จากอาชญากร ตำรวจก็ไม่สามารถให้ความคุ้มครองต่อสุจริตชนได้" นายถวิล กล่าว และว่า เรื่องสินบนนำจับนั้นยืนยันได้ว่า ไม่มี รางวัลสินบนนำจับใดๆ ทั้งสิ้น
**รายงานให้ยูเอ็นทราบแล้ว
นายถวิล ยังได้กล่าวถึงเรื่องอาวุธว่า เบื้องต้นทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานไปที่คณะทูตถาวร ณ.กรุงนิวยอร์กแล้ว การดำเนินการในรายละเอียดทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานกับทางยูเอ็น และทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังตรวจสอบอยู่ว่า ต้องทำลายหรือดำเนินการอย่างไรต่อไปตามที่ยูเอ็นกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อต่างชาติ มีการเสนอข่าวว่า อาวุธที่ยึดไว้นั้นมีส่วนประกอบของขีปนาวุธดาโปตอง 2 นายถวิลกล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้ และนายกฯและรองนายกฯ ก็ได้ให้นโยบายว่า จะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวในการดำเนินการสอบสวนได้ข้อสรุปอย่างไร ตำรวจก็จะรายงานอีกที ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ก็เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะต้องดำเนินการสอบสวน ส่วนใครจะเป็นนักค้าอาวุธแบบไหนอย่างไรนั้น ทางหน่วยข่าวที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีข้อมูลอยู่ เพราะแต่ละหน่วยต้องทำงานประสานกัน
นายถวิล กล่าวต่อว่า ล่าสุดทางอัยการต่างประเทศ มีการแจ้งมาให้ตนทราบในเรื่องการเพิ่มฐานความผิดกับผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น อาทิ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ , พ.ร.บ.ส่งออกซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งซึ่งใช้ในราชการสงคราม , พ.ร.บ.เดินอากาศ และ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับศุลกากร
วานนี้ (17 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึง กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาวุธที่ยึดได้จากเครื่องบินที่ลักลอบขนเข้ามาในประเทศไทยบางส่วนที่ไม่เข้าข่ายของมติองค์การสหประชาชาติ จะเก็บไว้ใช้ประโยชน์เองว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแยกจำแนกประเภทอาวุธว่าจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้กี่อย่าง คิดว่ายังเร็วไปที่จะพูดได้ แต่ที่สำคัญเราต้องปฏิบัติตามมติยูเอ็น ที่มีการจำแนกประเภทอาวุธประเภทไหนเอาไว้บ้าง ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแยกประเภทออกมาก่อน แล้วให้กระทรวงการต่างประเภทไปตรวจสอบมติของสหประชาชาติให้ชัดเจน
**ส่วนระยะเวลาคิดว่าคงไม่นาน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่จับได้ แล้วมีการแยกประเภทอาวุธไว้ใช้เองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ไปดูรายละเอียดว่า ตอนนั้นที่ตะวันออกกลาง เขาทำอย่างไร ส่วนอาวุธที่เก็บไว้จะนำไปใช้ในกรณีใดบ้าง เช่น นำไปใช้บริเวณชายแดน หรือในภาคใต้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่หรอก ยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น แต่จะนำไปใช้เพื่อศึกษาเทคโนโลยี หรือว่าดูประกอบการศึกษา หรือไม่ก็ต้องดูว่า เป็นอาวุธอะไร
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มาพบตนและรายงานให้ทราบว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังแยกแยะอาวุธเหล่านั้นว่าเป็นประเภทใดบ้าง คาดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ก็คงจบแล้ว
**ทอ.ยันอาวุธยังอยู่ครบไม่มีหาย
วานนี้ (17 ธ.ค.)พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ได้เป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการราชการแทนผบ.ตร. โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ แถลงว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องเครื่องบินขนอาวุธ ซึ่งในส่วนของกองทัพอากาศนั้น เมื่ออากาศยานลงสู่พื้นแล้วได้จัดกำลังพลไปควบคุม อากาศยานตามการร้องขอของส่วนราชการ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ เข้าไปตรวจสอบ โดยเบื้องต้นตรวจสอบไม่พบอาวุธร้ายแรง ตามกระแสข่าวว่า เครื่องบินดังกล่าวขนอาวุธนิวเคลียร์ แต่พบเพียงอาวุธสงคราม จึงได้ทำหลักฐานทางบัญชี ก่อนที่จะมีการขนขึ้นรถไปยังคลังสรรพาวุธ กองบิน 4 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ก็ได้ทำบัญชีอีกครั้ง และยอดบัญชีก็ตรงกัน จนกระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. ที่มีการเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด ก็ได้ทำบันทึกกันอีกครั้ง ซึ่งยอดบัญชียังตรงกัน
"กองทัพอากาศได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการเก็บรักษาอาวุธนั้น ได้ดูแลเป็นอย่างดี และครบตามจำนวนที่ได้ทำการบันทึกไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดจะต้องสอบถามกับกองปรามปราม ที่เราควบคุมไว้นั้น เป็นอาวุธสงคราม เป็นลักษณะของเครื่องยิง และวัตถุระเบิด ซึ่งไม่ได้มีลักษณะของอาวุธนิวเคลียร์"โฆษกทอ.กล่าว
ส่วนกระแสข่าวเรื่องอาวุธหายนั้น ยืนยันว่า จำนวนนับของกล่องทั้งหมด 145 ลังตั้งแต่วันที่เครื่องบินลงจนถึงวันที่เข้าไปตรวจสอบที่กองบิน 4 อีกครั้ง ยังมีจำนวน 145 ลังเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีระบุว่า สามารถนำอาวุธ ออกมาใช้ได้ น.อ.มณฑล กล่าวว่า เป็นเรื่องของมติสหประชาชาติ ที่เปิดช่องทางเอาไว้ว่าให้ประเทศที่เป็นผู้จับกุมได้สามารถพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นเรื่องของรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่จะพิจารณา โดยมติของสหประชาชาตินั้นจะมีเปิดไว้หลายๆ ข้อทั้งเก็บรักษา ทำลาย และนำไปใช้ประโยชน์
**รบ.นิวซีแลนด์สอบบริษัทพัวพันขนอาวุธสงคราม
โฆษกกระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ เผยว่า รัฐบาลกำลังสอบสวนบริษัทในประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งอาวุธสงครามหนักร่วม 35 ตัน ซึ่งประกอบไปด้วยขีปนาวุธ และระเบิดแสวงเครื่อง ที่ถูกจับพร้อมนักบินชาวเบลารุส และลูกเรือชาวคาซัคสถาน 4 คน หลังลงจอดเพื่อเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินดอนเมืองในวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา
“เราทราบจากรายงานข่าวของสื่อ และกำลังตรวจสอบในประเด็นข้อกล่าวหาถึงความเกี่ยวข้องของนิวซีแลนด์” โฆษกหญิงกล่าว
เจ้าหน้าที่ในคาซัคสถานระบุว่า สายการบินในประเทศแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นเจ้าของเครื่องบินอิลยูชิน-76 ลำนี้ ให้ชาวจอร์เจียที่เป็นเจ้าของบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ในนิวซีแลนด์เช่าต่อไป
ด้าน อิลยาส โอมารอฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของคาซัคสถาน กล่าวว่า จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่การทูตคาซัคในไทย และองค์กรหลายแห่งในคาซัคสถานชี้ว่าเครื่องบินอิลยูชิน-76 ถูกเช่าโดยบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ลิมิเต็ด ของนิวซีแลนด์ เพื่อขนส่งสินค้า
บริษัทที่ชื่อเอสพี เทรดดิ้ง นี้ จดทะเบียนในนามบริษัทของนิวซีแลนด์ มีสำนักงานอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ มีกรรมการบริษัทเพียงคนเดียวคือ หลู ชาง และหุ้นของบริษัททั้งหมด มีบริษัทไวแคม (โอ๊คแลนด์) เป็นเจ้าของอีกทอดหนึ่ง
ส่วนบริษัทไวแคมมีเจ้าของเป็นกลุ่มธุรกิจจีที ในวานูอาตู ซึ่งเว็บไซต์ของทางบริษัทระบุว่า เปิดให้บริการต่างๆ เช่น การหลบเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมาย และการคุ้มครองทรัพย์สิน เป็นต้น
ขณะที่สื่อของแดนกีวีรายงานว่า นักข่าวพยายามติดต่อกรรมการชาง หรือบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ซึ่งตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
**"กษิต"ชี้ต้องทำลายอาวุธทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.35 น.วานนี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ประเทศ ได้เดินทางเข้าพบนายสุเทพ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น นายกษิต เปิดเผยว่า มารายงานเกี่ยวกับกิจการความมั่นคงระหว่างประเทศ
สำหรับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อรายงานในเมื่อมีการละเมิดข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องอาวุธ ซึ่งเมื่อทางการไทยสอบสวนเสร็จในชั้นต้นแล้ว ก็ส่งหนังสือผ่านคณะผู้แทนถาวรที่นิวยอร์ก โดยการดำเนินการกับอาวุธที่จับกุมได้นั้น มีหลักเกณฑ์การดำเนินงานอยู่แล้ว
ทั้งนี้อาวุธดังกล่าวต้องทำลายทิ้งทั้งหมด ไม่สามารถเก็บไว้ใช้เองได้ เพราะไม่ใช่ของเรา และในฐานะที่เป็นสมาชิกที่ดีของสมาคมโลก ถือเป็นความรับผิดชอบที่ดีที่เราต้องดำเนินการ
**สมช.ยันไม่มีสินบนนำจับ
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. กล่าวถึงการจับกุมอาวุธในครั้งนี้ว่า มีการประสานงานกันในฝ่ายข่าวของทุกหน่วยงาน รวมไปถึงการประสานงานกับฝ่ายข่าวของสหรัฐฯ
"ไม่มีการชี้ หรือบงการหรือบังคับให้ เราต้องไปทำ หรือไปดำเนินการ เรามีกฎหมายที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ โดยกฎหมายที่รองรับเป็นกฎหมายของโลก คือ ข้อมติของสหประชาชาติ ข้อมติที่ 1874 เมื่อ เดือนมิถุนายน 2009 ในข้อมติพูดเอาไว้ชัดเจนว่า ห้ามซื้อขายอาวุธทั้งทางตรงทางอ้อม เมื่อตรวจสอบพบจะต้องยึดอายัด ทำลาย และรายงานให้สหประชาชาติรับทราบ"นายถวิล กล่าว
ทั้งนี้ การที่ไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนั้น เป็นเพราะมติของยูเอ็น ซึ่งไทยในฐานะสมาชิก มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ และไทยไม่ได้เป็นศัตรู หรือดำเนินการเรื่องนี้กับประเทศใดๆ แต่ไทยกำลังดำเนินการต่อองค์กรอาชญากรรม ลักษณะข้ามชาติ
"เราไม่ได้ดำเนินการต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เราดำเนินการต่อตัวที่เป็นอาวุธ เราดำเนินการ ต่อขบวนการของอาชญากร ที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ ผู้ที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยคือ ตำรวจ แต่ถ้าตำรวจกลัวผลกระทบ กลัวการแก้แค้นกลัวการตอบโต้จากอาชญากร ตำรวจก็ไม่สามารถให้ความคุ้มครองต่อสุจริตชนได้" นายถวิล กล่าว และว่า เรื่องสินบนนำจับนั้นยืนยันได้ว่า ไม่มี รางวัลสินบนนำจับใดๆ ทั้งสิ้น
**รายงานให้ยูเอ็นทราบแล้ว
นายถวิล ยังได้กล่าวถึงเรื่องอาวุธว่า เบื้องต้นทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานไปที่คณะทูตถาวร ณ.กรุงนิวยอร์กแล้ว การดำเนินการในรายละเอียดทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานกับทางยูเอ็น และทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังตรวจสอบอยู่ว่า ต้องทำลายหรือดำเนินการอย่างไรต่อไปตามที่ยูเอ็นกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อต่างชาติ มีการเสนอข่าวว่า อาวุธที่ยึดไว้นั้นมีส่วนประกอบของขีปนาวุธดาโปตอง 2 นายถวิลกล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้ และนายกฯและรองนายกฯ ก็ได้ให้นโยบายว่า จะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวในการดำเนินการสอบสวนได้ข้อสรุปอย่างไร ตำรวจก็จะรายงานอีกที ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ก็เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะต้องดำเนินการสอบสวน ส่วนใครจะเป็นนักค้าอาวุธแบบไหนอย่างไรนั้น ทางหน่วยข่าวที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีข้อมูลอยู่ เพราะแต่ละหน่วยต้องทำงานประสานกัน
นายถวิล กล่าวต่อว่า ล่าสุดทางอัยการต่างประเทศ มีการแจ้งมาให้ตนทราบในเรื่องการเพิ่มฐานความผิดกับผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น อาทิ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ , พ.ร.บ.ส่งออกซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งซึ่งใช้ในราชการสงคราม , พ.ร.บ.เดินอากาศ และ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับศุลกากร