รองนายกรัฐมนตรีเงา บี้รัฐบาลสถานทูตอังกฤษ คุมเข้ม “ทักษิณ” ขอลี้ภัย จี้ให้เลิกกิจกรรมการทางการเมือง พร้อมหยุดถ่มน้ำลายรดบ้านตัวเอง ยึดพาสปอร์ตทุกเล่ม พร้อมตรวจเข้มวีซ่า ลิ่วล้อสกัดแผนดอดพบที่ลอนดอน
วันนี้ (12 ต.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รองนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลตรวจสอบ การทำงานของ กระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษว่า เรื่องนี้มีนัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ตกอยู่ในอาณัติของรัฐบาลอังกฤษแล้ว แม้ว่าจะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่จะต้องห้ามไม่ให้มีกิจกรรมทางการเมืองไดๆ ทั้งสิ้น ที่ประเทศอังกฤษ ไม่เช่นนั้นฝ่ายไทยจะถือว่ารัฐบาลอังกฤษยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศอังกฤษเป็นฐานทางการเมืองโจมตีประเทศไทย นอกจากนี้ เอกสารสำคัญต่างๆ พาสปอร์ตทุกชนิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถืออยู่จะต้องส่งให้รัฐบาลอังกฤษทั้งหมด เพื่อยืนยันว่า การเดินทางออกนอกประเทศอังกฤษของอดีตนายกฯจะทำไม่ได้
นายกษิต กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จะต้องเข้มงวดในการพิจารณาออกวีซ่าให้บุคลาการทางการเมืองทีเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยต้องสอดส่องดูแลให้ดีว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้อ้างว่าจะไปท่องเที่ยวแต่ได้ดอดไปแอบพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะถือว่ารัฐบาลอังกฤษและสถานทูตอังกฤษรู้เห็นเป็นใจให้มีการทอดสะพานกลุ่มคนทางการเมือง ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากล หากอนุญาตให้ลี้ภัยแล้ว ไม่สามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดำเนินการทางการเมืองอีก และขอร้องให้นักการเมืองในประเทศไทยอย่าดำเนินการไดๆ นอกเสียจากว่าจะทำตัวเป็นไส้ศึกให้เกิดความเป็นไปในสังคมไทย
รองนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเครือข่ายกับพรรคการเมืองทั่วโลงทั้งที่มีอุดมกากรณ์เสรีนิยม และประชาธิปไตย รวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศ ที่มีพันธกรณีกันอยู่ พรรคได้พยายามป้อนข้อมูลไปยังเครือข่ายการเมืองเหล่านี้เป็นระยะๆ กับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับสองจุดใหญ่ คือ ที่กรุงมะนิลา ซึ่งเป็นที่ตั้ง ที่ทำงานคณะมนตรีว่าด้วยนักการเมืองฝ่ายเสรีนิยม และฝ่ายประชาธิปไตยของเอเชีย และที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์กรเสรีนิยมแห่งสากลนานาชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้หัวหนาพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสถานทูตต่างๆ ถึงข้อเท็จจริงทีเกิดขึ้นในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพลังประชาชนอย่างชัดเจนในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์จะส่งข้อมูลไปยังสถานทูตอังกฤษหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะอ้างว่า เป็นน้องเขย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกไม่ได้แล้ว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอลี้ภัยทางการเมืองแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทย ที่จะให้ความเชื่อมั่นกับคนไทยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีพฤติกรรมทางการเมืองที่ประเทศอังกฤษอีก อย่างไรก็ตาม องค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือแม้แต่วุฒิสภาก็สามารถที่ยื่นเรื่องไปยังสถานทูตอังกฤษได้ หรือส่งไปโดยตรงทีประเทศอังกฤษก็ได้
เมื่อถามว่า ท่าทีของรัฐบาล นายสมชาย ไม่ดำเนินการอะไร จะทำให้การขอลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ง่ายขึ้นหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า เรื่องนี้จะไปโทษนายสมชายคนเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศต้องสรุปและรายงานให้นายกรัฐมนตรีและครม.ให้รับทราบถึงขั้นตอนและประเพณีประปฏิบัติระหว่างประเทศในกรณีขอลี้ภัยทางการเมืองว่าตามหลักสากลต้องทำอย่างไรบ้าง
“เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นขอลี้ภัยไปยังกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ ก็เป็นหน้าที่ของอังกฤษที่ต้องไปหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศของเขา จากนั้นจะมีการส่งเอกสารมายังกระทรวงต่างประเทศของไทยเพื่อตรวจสอบหลักฐานตามเหตุผลของผู้กล่าวอ้าง ดังนั้นกระทรวงต่างประเทศของไทย โดยกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ต้องทำงานร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และมหาดไทย เพื่อพิจารณาข้อมูล โดยทั้งหมดต้องยืนยันว่าหากอังกฤษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยได้ จะต้องไม่ให้ใช้ประเทศอังกฤษเป็นที่ถ่มน้ำลายรดบ้านตัวเอง”
นายกษิต ยังกล่าวด้วยว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยที่มาของอาวุธร้ายแรงต่างๆ ว่าซื้อมาจากประเทศใดบ้าง และเรียกร้องประเทศผู้ส่งออกอาวุธเล็ก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รัฐเซีย และจีน จะต้องมีความเข้มงวดในการส่งออกเพราะมีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้นำอาวุธเหล่านี้มาเพื่อป้องกันประเทศ แต่กลับนำมาประหัดประหารประชาชนในประเทศ จึงไม่อยากให้เสียความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศผู้ส่งออกอาวุธ และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยมีบทบาทในองค์การสหประชาติ ในการข้อเสนอเกี่ยวกับการเข้มงวดการซื้อขายอาวุธ และนำมาทำร้ายประชาชนอย่างไร้เหตุผล