xs
xsm
sm
md
lg

IMF เตือน ศก.โลก "คับขัน" แม้ปรับคาดการณ์เติบโตสูงขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวแทนไอเอ็มเอฟขณะแถลงเนื้อหารายงานฉบับล่าสุด
เอเจนซี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานฉบับใหม่ในวันพฤหัสบดี (17) ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจโลก แต่ขณะเดียวกันก็เตือนกันตรงๆ ว่า อุปสงค์ของพวกประเทศพัฒนาแล้วกำลังมีการการลดลง รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อก็กำลังพุ่งสูงในทุกหนแห่งทั่วโลก

รายงานของไอเอ็มเอฟชิ้นนี้ ซึ่งเป็นการปรับปรุงตัวเลขคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้พยากรณ์ไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระบุว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2008 จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ จาก 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2007 และในปี 2009 อัตราเติบโตจะลดลงสู่ระดับ 3.9 เปอร์เซ็นต์

แม้ตัวเลขพยากรณ์ครั้งใหม่จะยังคงมองอนาคตเศรษฐกิจโลกในเชิงลบ แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ในเดือนเมษายน ซึ่งระบุว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2008 จะอยู่ที่ระดับ 3.7 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2009

ไซมอน จอห์นสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟให้เหตุผลถึงการปรับตัวเลขคาดการณ์ครั้งนี้ว่า เป็นเพราะผลกระทบจากความปั่นป่วนของตลาดการเงิน อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์สินเชื่อซับไพรม์ในสหรัฐฯ ส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกช้ากว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้

เขากล่าวด้วยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยไม่ให้การจับจ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันลดต่ำลงมากเกินไป อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

รายงานการคาดการณ์ครั้งใหม่ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีอัตราเติบโต 1.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2008 นี้ ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเมษายน และอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปี 2009 ก็น่าจะอยู่ที่ระดับ 0.8 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะเป็น 0.6 เปอร์เซ็นต์ตามที่คาดการณ์ในเดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟ เน้นย้ำว่า ปัญหาสำคัญหลายประการยังคงดำรงอยู่ เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะคับขัน โดยกำลังตกอยู่ตรงระหว่างกลาง ที่ด้านหนึ่งประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วกำลังมีอุปสงค์อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งย่อมกระทบอัตราเติบโตขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม แต่อีกด้านหนึ่งปัญหาเงินเฟ้อก็กำลังแพร่กระจายไปในทุกประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

จอห์นสัน กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟยังคงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย โดยในรายงานฉบับเดือนเมษายนนั้น ไอเอ็มเอฟได้เตือนว่า มีโอกาสอยู่ 25% ที่อัตราการเติบโตของโลกจะดิ่งลงเหลือ 3.0% หรือน้อยกว่านั้น อันเป็นระดับที่จะถือกันว่าเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

"พูดกันอย่างคร่าวๆ แล้ว ความเสี่ยงยังคงมีเท่าเดิม ทว่าสถานการณ์กำลังมีความซับซ้อนขึ้นมาก นับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา เพราะมีปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มเข้ามาด้วย" หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟบอก

จอห์นสัน กล่าวว่า ภาวการณ์ของตลาดการเงินยังคงอยู่ในอาการเปราะบางมาก และไม่น่าที่จะกระเตื้องดีขึ้นในเร็ววันได้

เขาพูดถึงปัญหาเรื่องแฟนนี เม และเฟรดดี แมค สองยักษ์ใหญ่สถาบันการเงินด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ มีราคาหุ้นทรุดฮวบท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า สถาบันการเงินทั้งสองอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงสั่นคลอนหนัก โดยบอกว่ามันเป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงบรรดาปัญหาที่อยู่เบื้องลึกของตลาด

"ในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนี้ เศรษฐกิจโลกสามารถใช้ความพยายามจนฝ่าก้าวข้ามภาวะช็อกใหญ่ๆ ไปได้ แต่เราคิดว่าศักยภาพของมันในการดูดซัมภาวะช็อกเช่นนี้ กำลังถูกท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว" จอห์นสันบอก

สำหรับการทำนายภาวะเศรษฐกิจของพวกประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ให้ดีขึ้นกว่าของเดือนเมษายนเล็กน้อย โดยพยากรณ์ว่า ประเทศเหล่านี้จะมีอัตราเติบโต 6.9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2008 และลดลงสู่ระดับ 6.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2009 จากที่เคยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2007 ส่วนเศรษฐกิจจีนนั้นคาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์จาก 12 เปอร์เซ็นต์ในปี 2007
กำลังโหลดความคิดเห็น