เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานลิ่วบ้าเลือดหลุดโลกโดยไต่ขึ้นเกือบ 9% ทำสถิติใหม่ โดยยืนที่ระดับ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนวานนี้ (6) หลังจากที่ขยับขึ้น 5.49 ดอลลาร์แล้วในวันพฤหัสบดี (5) จึงเท่ากับชั่วเวลาเพียง 2 วัน เพิ่มสูงขึ้นไปกว่า 16 ดอลลาร์ โดยเทรดเดอร์อ้างเหตุผลเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่กลับอ่อนตัวลงมา ตลอดจนเรื่องที่รัฐมนตรีคนสำคัญของอิสราเอลประกาศว่า การโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านกำลังเป็นสิ่งที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้”
นอกจากนั้น การที่ มอร์แกนสแตนลีย์ วาณิชธนกิจใหญ่วอลล์สตรีทรายหนึ่ง ออกรายงานล่าสุด ทำนายว่า ราคาน้ำมันอาจจะกระโจนขึ้นทำสถิติสูงสุด ณ ระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในช่วงวันชาติอเมริกัน 4 กรกฎาคมปีนี้ ก็มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบทะยานแรงดุเดือดเช่นกัน
“เรากำลังจะได้เห็นการพุ่งทะยานขึ้นแรงและลงมาแรงในระยะสั้นของราคาน้ำมัน” รายงานของมอร์แกนสแตนลีย์บอก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก ตอนปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากวันพฤหัสบดี (5) 10.75 ดอลลาร์ อยู่ที่ 138.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวานนี้ (6) ก่อนที่ทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังปิดตลาด ณ 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของลอนดอน ทำสถิติสูงสุดก่อนหน้าปิดตลาดในวันศุกร์ (6) 137.69 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.15 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าช่วงสถิติสูงสุดระหว่างวันที่ 138.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดฮวบฮาบลงมา 2 วัน ได้กลับทะยานโด่งขึ้นไปใหม่ตั้งแต่วันพฤหัสบดี โดยตอนปิดตลาดวันนั้นที่นิวยอร์ก สัญญาล่วงหน้าไลต์สวีตครูดเพิ่มสูงขึ้น 5.49 ดอลลาร์ อยู่ที่ 127.79 ดอลลาร์ ส่วน เบรนต์ ก็ขึ้นไป 5.44 ดอลลาร์ ยืนที่ 127.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พวกเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ บอกว่า แนวโน้มที่อ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับขึ้นสูง เนื่องจากพวกกองทุนต่างๆ ใช้น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เป็นเครื่องประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ที่ต่ำลง ดังนั้น เมื่อสกุลเงินตราของสหรัฐฯ อ่อนตัว น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นก็ต้องมีราคาขยับขึ้น
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดี ภายหลังจากฌอง-โคลด ตริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แถลงว่า มีผู้วางนโยบายของอีซีบีจำนวนหนึ่ง ต้องการขยับดอกเบี้ยให้สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นนี้เป็นไปได้ที่อาจจะทำกันตั้งแต่เดือนหน้า ทั้งนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของอีซีบี ย่อมทำให้ค่าเงินยูโรยิ่งแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยตั้งแต่การแถลงของตริเชต์จนถึงช่วงบ่ายของลอนดอนวานนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงมามากกว่า 1% แล้ว
ไม่เพียงคำพูดของประธานอีซีบี ค่าเงินดอลลาร์ยังถูกตีกระหน่ำจากรายงานตัวเลขการว่างงานในสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาวานนี้ ซึ่งปรากฏว่าในเดือนที่แล้ว อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ และสะท้อนถึงความย่ำแย่ของเศรษฐกิจอเมริกัน
แต่นอกจากเรื่องสกุลเงินตราสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันยังผวากับรายงานข่าวที่ว่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคมนาคม ชาอุล โมฟาซ ของอิสราเอล ประกาศว่าการเข้าโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ดูจะเป็นสิ่งที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” แล้ว ในเมื่อการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ เพื่อสกัดไม่ให้อิหร่านได้เทคโนโลยีที่สามารถทำอาวุธนิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ไร้ผล
คำพูดของโมฟาซเป็นการออกมาข่มขู่อิหร่านอย่างเปิดเผยที่สุดจากคณะรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอเมิร์ตแห่งอิสราเอง และ โอลิเวียร์ จาค็อบ นักวิเคราะห์แห่งบริษัท เปโตรแมทริกซ์ บอกว่า ยิ่งเพิ่มแรงขับดันให้แก่การทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน
“เม็ดเงินจากตลาดการเงินกำลังไหลทะลักลับคืนสู่ตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์” จาค็อบ บอก “เมื่อตลาดอยู่ในอาการพุ่งลิ่วแข็งแกร่งขนาดนี้ มันก็มีความโน้มเอียงที่จะสนใจแก่ข่าวพาดหัวที่ทำให้ราคาทะยาน มากกว่าข่าวที่ทำให้ราคาซึมเซา”