xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันโลกพุ่งแตะ 130 ดอลลาร์ทรุด-ดัชนีต้นทุนพุ่ง-ผวาเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ ปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงซื้อเก็งกำไร และจากความกังวลที่ว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลก อาจมีไม่พอรองรับความต้องการ นักวิเคราะห์คาดภายใน 1-2 เดือนนี้ มีแนวโน้มแตะระดับ 140 ดอลลาร์/บาเรล ขณะที่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อ่อนตัวลงหนัก เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ หลังราคาน้ำมันพุ่ง กดดันดัชนีราคาผู้ผลิต พุ่งขึ้นสูงเกินที่คาดการณ์เอาไว้ สะท้อนภาวะเงินเฟ้อที่จะขยับสูงขึ้น นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

วันนี้ (21 พ.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กในสหรัฐ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย.พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 129.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 129.60 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.775 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 6.78 เซนต์ ปิดที่ 3.3044 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 127.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายดาริน นิวซัม นักวิเคราะห์จากบริษัทดีทีเอ็นในกรุงนิวยอร์ก ยอมรับว่า เมื่อคืนนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล สถานการณ์ในตลาดน้ำมันขณะนี้ทำให้เราไม่ลังเลที่จะคาดการณ์ว่า ราคาจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 130-140 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็วๆ นี้

นักลงทุนให้น้ำหนักกับการที่นายอับดุลเลาะห์ เอล อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มผู้ค้าน้ำมันโลก (โอเปก) กล่าวว่า "ตลาดน้ำมันโลกยังคงมีผลผลิตอยู่ในระดับสูง ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของกลุ่มประเทศโอเปกยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้โอเปกมีกำลังการผลิตมากกว่า 3 ล้านบาร์เรล

"การแสดงความเห็นของเลขาธิการโอเปกถือเป็นการส่งสัญญาณว่า โอเปกจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต หรือจัดการประชุมฉุกเฉินก่อนหมายกำหนดการเดิมในเดือนก.ย.อย่างแน่นอน"

นอกจากนี้ นายนิวซัม ยังกล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับข้อมูลที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันและดัชนี PPI อาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ทรุดตัวลง

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI เดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% และดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.4% ทั้งนี้ หากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 1991 เป็นต้นมา

คาดว่านักลงทุนจับตาดูกระแสคาดการณ์ราคาน้ำมัน โดยนายที. บูน พิคเคนส์ นักลงทุนชื่อดัง คาดการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ CNBC ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นไปแตะ 150 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยสำหรับช่วงครึ่งปีหลังขึ้นสู่ระดับ 141 ดอลลาร์/บาร์เรล

มีการประเมินอีกว่า นักลงทุนคงกำลังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล

**ดอลลาร์ทรุด ดัชนีผู้ผลิตพุ่ง-กดดันเงินเฟ้อ 

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5667 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.5517 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 1.9703 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9491 ดอลลาร์/ปอนด์

หากเปรียบเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 103.70 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 104.34 เยน/ดอลลาร์ และร่วงลงแตะระดับ 1.0372 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0528 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7757 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7723 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.9594 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9530 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

นักวิเคราะห์คาดว่า เงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนี PPI เดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.4% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 1991 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกระหน่ำขายดอลลาร์สหรัฐหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณว่าจะไม่เพิ่มผลผลิตก่อนการประชุมเดือนก.ย.และจะไม่จัดการประชุมฉุกเฉินก่อนหมายกำหนดการอย่างแน่นอน

ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ชาวเยอรมนีที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อในยุโรปที่พุ่งขึ้นเกินเป้าหมายของธนาคารกลาง

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานหลังการประชุมที่ส่งสัญญาณว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กำลังโหลดความคิดเห็น