นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยระบุว่า การเจรจาหยุดยิงสงครามไทย-กัมพูชา เพื่อให้เกิดสันติภาพย่อมทำได้เมื่อไทยได้ดินแดนทั้ง 28 จุดที่กัมพูชารุกล้ำครอบครองไว้กลับคืนมา
"ใครจะเจรจา (หยุดยิง) ก็ตาม ถ้ายังมีแม้แต่จุดเดียวที่กัมพูชาไม่ถอน (การรุกล้ำและครอบครอง) ออกไปก็จบไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่มีคำว่า เราได้ดินแดนส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ เพราะที่ชิงแผ่นดินคืนนั้นเป็นดินแดนไทย จึงอ้างส่วนใหญ่ไม่ได้ ไทยต้องได้กลับคืนมาทุกตารางนิ้ว”
อีกทั้งประเมินว่า การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาจะจบก่อนปีใหม่ย่อมเป็นไปได้ แต่ตนยังไม่เชื่อ ถ้าจะหยุดยิงกันจริงแล้ว ไทยต้องเอาดินแดนกลับคืนมาทั้งหมดด้วย หากกัมพูชายังไม่ถอยออกจากแผ่นดินไทยก็ต้องรบกันต่อไป ดังนั้น การประชุมระดับทวีภาคี GBC วันที่ 24 ธ.ค.นี้ ไทยต้องตัดสินใจให้รอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามครั้งที่สามขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สงครามขณะนี้ สิ่งที่ต้องการเห็นคือ คนไทยต้องไม่คิดเป็นอื่นและดูเบาเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน หรือไม่รู้สึกรู้สาว่า สาเหตุสงครามที่เกิดขึ้นมาจากการปล่อยปละละเลยจนหมักหมมปัญหากันไว้ โดยยอมให้กัมพูชาเข้ามายึดครองในเขตพื้นที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และเข้ามาตั้งบ้านเรือน ค่ายทหารในดินแดนของไทยแท้ๆ จนกัมพูชารู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นความผิดพลาดมายาวนาน
นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสงครามไม่เกิดขึ้นเพราะไทยยอมเสียดินแดน ถ้าไม่ยอมแล้ว การละเมิดกว่า 600 ครั้ง หรือกัมพูชารุกดินแดนไทยทั้ง 28 จุดจะไม่ยอมเกิดขึ้น ดังนั้น การปล่อยให้รุกเข้ามาทั้ง 28 จุดจึงเป็นบทเรียนที่แพงที่สุดของไทย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต
"การเรียกร้องให้จบกันไปภายใต้ไทยเสียดินแดนนั้น เป็นการจบเพื่อพักรบเท่านั้น แต่จะเกิดสงครามไทย-กัมพูชาครั้งที่สามกันอีก ดังนั้น ถ้าสิ้นปียังไม่จบ ก็ต้องรบกันต่อปีหน้าอยู่ดี โดยต้องไม่จบภายใต้เงื่อนไขไทยเสียเปรียบเหมือนเดิม แม้เรารบได้คืนปราสาทตาควาย และเนิน 350 แต่ต้องได้ทุกพื้นที่ของไทยกลับคืนมา 100 %"
พร้อมทั้งกล่าวว่า เมื่อไทยได้ดินแดนครบทั้ง 28 จุดที่เป็นปัญหากลับคืนมาแล้ว คงไม่มีใครขัดข้องในเรื่องสันติภาพ การเจรจาหยุดยิงจึงมีความเป็นไปได้ แต่ถ้าไทยยังไม่ได้ดินแดนคืนทั้งหมดแล้ว สันติภาพย่อมเกิดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเจรจา GBC ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะหยุดยิง โดยให้กัมพูชาถอยไปจากดินแดนไทย แต่ก็ยากที่จะเกิดขึ้น เพราะฮุนเซนจะอยู่ในฐานะผู้แพ้ไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งทางการเมืองล่มสลายและคงไม่มีแผ่นดินอยู่เช่นกัน
ประเทศไทยต้องมาก่อน
"ใครจะเจรจา (หยุดยิง) ก็ตาม ถ้ายังมีแม้แต่จุดเดียวที่กัมพูชาไม่ถอน (การรุกล้ำและครอบครอง) ออกไปก็จบไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่มีคำว่า เราได้ดินแดนส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ เพราะที่ชิงแผ่นดินคืนนั้นเป็นดินแดนไทย จึงอ้างส่วนใหญ่ไม่ได้ ไทยต้องได้กลับคืนมาทุกตารางนิ้ว”
อีกทั้งประเมินว่า การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาจะจบก่อนปีใหม่ย่อมเป็นไปได้ แต่ตนยังไม่เชื่อ ถ้าจะหยุดยิงกันจริงแล้ว ไทยต้องเอาดินแดนกลับคืนมาทั้งหมดด้วย หากกัมพูชายังไม่ถอยออกจากแผ่นดินไทยก็ต้องรบกันต่อไป ดังนั้น การประชุมระดับทวีภาคี GBC วันที่ 24 ธ.ค.นี้ ไทยต้องตัดสินใจให้รอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามครั้งที่สามขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สงครามขณะนี้ สิ่งที่ต้องการเห็นคือ คนไทยต้องไม่คิดเป็นอื่นและดูเบาเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน หรือไม่รู้สึกรู้สาว่า สาเหตุสงครามที่เกิดขึ้นมาจากการปล่อยปละละเลยจนหมักหมมปัญหากันไว้ โดยยอมให้กัมพูชาเข้ามายึดครองในเขตพื้นที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และเข้ามาตั้งบ้านเรือน ค่ายทหารในดินแดนของไทยแท้ๆ จนกัมพูชารู้สึกเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นความผิดพลาดมายาวนาน
นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาสงครามไม่เกิดขึ้นเพราะไทยยอมเสียดินแดน ถ้าไม่ยอมแล้ว การละเมิดกว่า 600 ครั้ง หรือกัมพูชารุกดินแดนไทยทั้ง 28 จุดจะไม่ยอมเกิดขึ้น ดังนั้น การปล่อยให้รุกเข้ามาทั้ง 28 จุดจึงเป็นบทเรียนที่แพงที่สุดของไทย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต
"การเรียกร้องให้จบกันไปภายใต้ไทยเสียดินแดนนั้น เป็นการจบเพื่อพักรบเท่านั้น แต่จะเกิดสงครามไทย-กัมพูชาครั้งที่สามกันอีก ดังนั้น ถ้าสิ้นปียังไม่จบ ก็ต้องรบกันต่อปีหน้าอยู่ดี โดยต้องไม่จบภายใต้เงื่อนไขไทยเสียเปรียบเหมือนเดิม แม้เรารบได้คืนปราสาทตาควาย และเนิน 350 แต่ต้องได้ทุกพื้นที่ของไทยกลับคืนมา 100 %"
พร้อมทั้งกล่าวว่า เมื่อไทยได้ดินแดนครบทั้ง 28 จุดที่เป็นปัญหากลับคืนมาแล้ว คงไม่มีใครขัดข้องในเรื่องสันติภาพ การเจรจาหยุดยิงจึงมีความเป็นไปได้ แต่ถ้าไทยยังไม่ได้ดินแดนคืนทั้งหมดแล้ว สันติภาพย่อมเกิดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเจรจา GBC ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะหยุดยิง โดยให้กัมพูชาถอยไปจากดินแดนไทย แต่ก็ยากที่จะเกิดขึ้น เพราะฮุนเซนจะอยู่ในฐานะผู้แพ้ไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งทางการเมืองล่มสลายและคงไม่มีแผ่นดินอยู่เช่นกัน
ประเทศไทยต้องมาก่อน


